“รมช.สธ.”วอนประชาชนอย่าตระหนกโรคฝีดาษลิง-ยันคัดกรองเข้มข้นคนจาก17ปท.
“รมช.สธ.”วอนประชาชนอย่าตระหนกโรคฝีดาษลิง-ยันคัดกรองเข้มข้นคนจาก17ปท. เตรียมประชุมสสจ.ประสานคลินิกโรคผิวหนัง-กามโรค
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) การระบาดของโรคฝีดาษลิงที่กำลังระบาดในต่างประเทศ ว่าขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขโดยไม่ตื่นตระหนก ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งคณะกรรมการพนักงานปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง ซึ่งเป็นระดับกรมที่มี นพ.จักรรัฐ พิทยาวงค์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และมีรองอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นที่ปรึกษา
รวมถึงมีหน่วยคัดกรอง ฝ่ายติดตาม และฝ่ายกำหนดแผน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะพยายามติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว ทั้งในต่างประเทศและในประเทศ โดยเรากำลังติดตามและพยายามคัดกรองบุคคลที่มาจากประเทศเสี่ยง 17 ประเทศ ซึ่งแต่ละสนามบินมีด่านคัดกรองของกรมควบคุมโรคที่กำลังทำหน้าที่ตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงจะมีประชุมแจ้งเตือนและกำชับสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศให้ไปทำความเข้าใจและติดตามข้อมูลจากคลินิกโรคผิวหนังและคลินิกกามโรคภายใประเทศว่าพบโรคนี้เข้ามาบ้างแล้วหรือไม่ นอกจากนี้อาจต้องมีการ พิจารณาว่าควรปรับนิยามของโรคนี้ให้ไปอยู่ในนิยามของคำว่าโรคติดต่อร้ายแรงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่น่าตื่นตกใจ และยังไม่พบการระบาดของโรคดังกล่าวภายในประเทศไทย แต่ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลคำชี้แจงของกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด รวมถึงสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ
ส่วนการฉีดวัคซีนของประชาชนที่เกี่ยวกับโรคฝีดาษนั้น ที่จริงเป็นการปลูกฝีที่มีขึ้นในช่วงปี 2523 ซึ่งผู้ที่เกิดจากหลังจากปีดังกล่าวจะไม่ได้รับการปลูกฝีประเภทนี้ โดยการปลูกฝีไม่ได้ช่วยป้องกันโรค แต่ช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรคได้ 80 เปอร์เซ็นต์
ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนจะสามารถสังเกตอาการตัวเองได้อย่างไร นายสาธิตกล่าวว่า ตามคำแนะนำของกรมการแพทย์ระบุให้สังเกตว่ามีอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีตุ่มฝีภายใน 1 สัปดาห์หรือไม่ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้แยกแยะจากอาการของโรคอื่นได้ยาก จึงอาจทำให้ต้องคอยฟังคำเตือนจากกรมควบคุมโรคและคณะกรรมการพนักงานปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉินฯด้วย
เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องรื้อฟื้นการปลูกฝีดาษขึ้นมาหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ต้องติดตามแผนงานว่าในการระบาดของโรคฝีดาษลิงในแต่ละประเทศเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการผลิตวัคซีนตอนนี้มีหลายบริษัทที่ผลิต ขณะเดียวกันเราก็ต้องดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ในการลงทุนเรื่องการปลูกฝีให้กับผู้ที่เกิดหลังปี 2523 เมื่อเทียบกับสถิติการระบาด ทั้งนี้ การระบาดของโรคดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายเหมือนกับโรคโควิด-19 จึงยังจำเป็นที่จะต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าว