"กมธ.กม.ลูก" คาดสูตรหาร100 อาจมีส.ส.ปัดเศษ ย้ำคะแนนขั้นต่ำ 1.7แสนคะแนน

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา ที่มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นประธานกมธ. พร้อมด้วย กมธ. อาทิ นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ ส.ว.  นายชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรคเพื่อไทย ฐานะกมธ.และที่ปรึกษา, นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ฐานะโฆษกกมธ., นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะเลขานุการกมธ.ฯ เข้ายื่นร่างพ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ที่กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรับสภา 

 

           จากนั้นเวลา 13.30 น. กมธ.ร่วมกันแถลงเนื้อหา โดยนายสาธิต กล่าวว่า จากการหารือกับนายชวน แล้วคาดว่าจะบรรจุวาระ เพื่อพิจารณาวาระสองและวาระสาม ได้ในวันที่  9 - 10 มิถุนายน ทั้งนี้การแก้ไขของกมธ. ต่อร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ... ที่มี 37 มาตรา คงเนื้อหาตามร่างหลัก จำนวน 23 มาตรา แก้ไขเพิ่มเติม  9 มาตรา  และ ตราขึ้นใหม่  5 มาตรา ขณะที่ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีเนื้อหา 16 มาตรา คงเดิม 7 มาตรา แก้ไขเพิ่มเติม 6 มาตราและเพิ่มขึ้นใหม่ 3 มาตรา อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าเนื้อหาที่ปรับแก้ไขนั้นจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้เลือกตั้งหากเกิดสถานการณ์ใดๆ ที่รัฐบาล และนายกรัฐมนตรียุบสภา หรืออยู่ครบวาระ

           นายสาธิต แถลงย้ำด้วยว่า ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีข้อยุติที่สำคัญ คือ สูตรคำนวณเพื่อหาส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยใช้จำนวน 100 คนหาร แม้จะทำให้คะแนนเลือกตั้งแบบเขตเลือกตั้งถูกทิ้งน้ำไปบ้าง แต่เชื่อว่าการกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเพื่อเลือกส.ส.แบบเขต และส.ส.แบบบัญชีราชื่อ จะสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในการออกเสียงเลือกตั้ง

 

 

           “ในการทดลองคำนวณดังกล่าว ได้ใช้ผลการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ปี2554 ที่มีคะแนนรวมของทุกพรรครวมกัน  32.3 ล้านคะแนน และหารด้วยจำนวน 100 คน จะได้ผลลัพท์เป็นคะแนนเฉลี่ยส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ 3.23แสนคะแนน  เมื่อทดลองคำนวณ คะแนนของพรรคการเมือง ช. ได้ 15.7 ล้านคะแนน เมื่อหารรกับคะแนนเฉลี่ย จะได้ ส.ส.บัญชีราชื่อ 48.6 ที่นั่ง  ส่วนกรณีที่ได้ส.ส.ไม่ครบ 100 คน ให้ใช้เศษของคะแนนทุกพรรคเรียงกันและจัดสรรให้พรรคที่ได้เศษคะแนนสูงสุด โดยไม่นำจุดทศนิยมมาคำนวณ” นายสาธิต กล่าว

 

           ขณะที่ นายสมชัย กล่าวแถลงเพิ่มเติมต่อสูตรคำนวณ ด้วยว่า  การหาค่าเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน ให้ใช้จำนวนเต็ม ก่อน แต่หากส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไม่ครบ 100 คน  เช่น ยังขาดอีก 8 คน จะให้นำคะแนนเศษของทุกพรรคมาเรียงลำดับจากสูงไปต่ำ เพื่อหาส.ส.บัญชีรายชื่อให้ครบ 100 คน อย่างไรก็ดีหากค่าเฉลี่ยส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน มีฐานที่ 3.5แสนคะแนน ดังนั้นคาดว่าพรรคที่จะได้ส.ส.ปัดเศษ ต้องมีคะแนนขั้นต่ำ 1.7 แสนคะแนนขึ้นไป” นายสมชัย กล่าว

 

 

           เมื่อถามถึงกรณีการเสนอคำแปรญัตติเพื่อแก้สูตรคำนวณของกมธ. นายสมชัย กล่าวว่า การเสนอคำแปรญัตติเป็นสิทธิ ส่วนจะทำให้สูตรคำนวณพลิกไปจาก 100 คนหารหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสมาชิกรัฐสภา แต่หากในชั้นพิจารณาพบว่าแนวทางถูกแก้ไขเป็นหาร 500 คน อาจต้องพักการประชุมเพื่อหารือถึงรายละเอียด

 

           ทางด้านนายนิกร กล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อสูตรคำนวณด้วยว่า การลงมติในวาระสอง ใช้เพียงเสียงข้างมากของที่ประชุม ส่วนวาระสามที่ต้องเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทั้งฉบับต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีทั้งหมดของรัฐสภา อย่างไรก็ดีหากมติข้างมากเห็นชอบให้ใช้จำนวน 500 คนหารในท้ายที่สุดต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาถึงประเด็นปัญหา โดยตนมองว่าการใช้จำนวน100คนหารนั้น กกต. เป็นผู้ที่เสนอร่างพ.ร.ป.ต่อรัฐสภา ดังนั้นยังมีช่องทางพิจารณา แต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่เกิด และต้องรอดูการพิจารณาวาระสองและวาระสาม วันที่ 9 - 10 มิถุนายนนี้ ก่อน.