อสส.แจงไทม์ไลน์คดี “จีที 200” ทบ.ชนะปี 64 ชี้การพิสูจน์ไม่มีผลทางคดีแล้ว
รองโฆษก อสส.ชี้แจงละเอียด! ไทม์ไลน์คดี “จีที 200” แนะตรวจสอบ 757 เครื่องตั้งแต่ปี 60 เผย ทบ.ชนะคดีให้เอกชนคืนเงินตั้งแต่ปลายปี 64 การพิสูจน์ไม่มีผลแพ้ชนะทางคดี
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (รองโฆษก อสส.) เปิดเผยในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" ถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหม ระบุถึงอัยการสูงสุด (อสส.) แนะให้ตรวจสอบจีที 200 ทุกเครื่องว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2560 กองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อขอให้จัดพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีปกครองว่าต่างฟ้อง บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด กับพวกรวม 4 คน เพื่อให้รับผิดตามสัญญาปกครอง กรณีซื้อขายเครื่องจีที 200 รวม 12 สัญญา ทุนทรัพย์ยังไม่รวมดอกเบี้ย 683,900,000 บาท
นายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อได้รับเรื่องมาจึงได้มอบเรื่องให้ทางสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครอง 5 เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ระหว่างตรวจสำนวน ทางพนักงานอัยการเห็นว่าการที่จะบอกว่าเครื่องนี้ไม่มีคุณสมบัติตามสัญญาหรือเป็นเครื่องที่ใช้การไม่ได้นั้น เป็นสาระสำคัญที่จะบอกว่าคดีนี้แพ้หรือชนะ จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกองทัพบกเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 เพื่อให้เป็นข้อเท็จจริงซื้อเป็นข้อยุติเพื่อให้ศาลใช้ประกอบการตัดสินคดี
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2560 อัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครอง 5 ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครอง โดยฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้ถูกร้องที่ 2 ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 3 ในฐานะเป็นแบงก์การันตี รับผิดในวงเงินประมาณ 56,000,000 บาท โดยไม่เกิน 56,000,000 บาทเศษ ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 4 ในฐานะแบงก์การันตีรับผิดชอบในวงเงินไม่เกิน 6,000,000 บาทเศษ ซึ่งทุนทรัพย์ที่ยื่นฟ้องไป ณ วันที่ 27 เม.ย. 2560 คือ 687,691,975.49 บาท
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2560 ศาลปกครองกลางกลาง สั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ โดยวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ แต่ทางอัยการฝ่ายคดีปกครอง 5 ยื่นอุทธรณ์ว่า คดีไม่ขาดอายุความ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2560 มีคำสั่งลงมาบอกว่าให้ศาลปกครองกลางรับคดีไว้โดยคดีไม่ขาดอายุความให้ดำเนินการไปตามรูปเรื่อง ทำให้คดีก็ดำเนินการต่อไป และกระบวนการในการตรวจเครื่องจีที 200 ยังเป็นในเงื่อนไขที่จะต้องดำเนินคดี ซึ่งหลักการมีแค่นี้ ส่วนรายละเอียดจะไปตรวจอย่างไรก็เป็นเรื่องของกองทัพบก หรือตัวความที่ส่งเรื่องไปให้ดำเนินการ
“ตรงนี้มีความสำคัญและต้องเคลียร์ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายและเฉพาะกองทัพบกด้วย โดยวันที่ 1 กันยายน 2564 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งพิพากษาตามคำฟ้องที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครอง 5 ฟ้องไปว่า เครื่องจีที 200 จำนวน 757 เครื่องเป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตามเอกสารแสดงคุณสมบัติของเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจึงพิพากษา ดังนี้ ให้บริษัทเอวิเอฯ ชำระเงินให้กับกองทัพบกเป็นเงิน 683,441,561.64 บาท ใช้ธนาคารกสิกรไทย ชำระเงิน 56,856,438.87 บาท ให้ธนาคารกรุงเทพ ชำระ 6,195,452.5 บาท ยกฟ้องนายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจผู้ถูกฟ้องที่สอง เพราะเป็นผู้บริหารและไม่ได้ความว่า ทำเกินขอบข่าย ขอบเขตของนิติบุคคล” นายประยุทธ กล่าว
รองโฆษก อสส. กล่าวอีกว่า เรื่องเวลาเป็นสาระสำคัญ ซึ่งวันที่ 8 กันยายน 2564 สำนักอัยการสูงสุดแจ้งไปยังกองทัพบกถึงผลคดีดังกล่าว จากนั้น 23 กันยายน 2564 ผู้ถูกฟ้องทุกคนอุทธรณ์ จนกระทั่งวันที่ 8 มีนาคม 2565 อัยการได้อุทธรณ์ในส่วนที่ยกฟ้องคือผู้ถูกฟ้องที่ 2
โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ถอนอุทรณ์ นั่นก็คือบริษัท เอวิเอฯ ถอนอุทธรณ์ จากนั้น วันที่ 7 มี.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้อุทธรณ์ และคดีถึงที่สุด
“สรุปก็คือ ณ วันที่ 7 มี.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุดให้ถอนอุทธณ์ หมายความว่าคำพิพากษาที่ศาลปกครองกลางให้ เอวิเอฯ ชำระเงินตามที่อัยการฟ้องให้กับกองทัพบก 683,441,561.64 บาท จึงเป็นที่สุด กระบวนการตั้งแต่ 7 มี.ค. 2565 รายละเอียดว่าเครื่องจะตรวจหรือไม่อย่างไร จึงไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะเลยตรงนั้นมาแล้ว คดีที่มันค้างอยู่เหลือแค่ประเด็นที่อัยการอุทธรณ์กรณีนายสุทธิวัฒน์ ในส่วนของธนาคารก็ไม่ได้เกินวงเงินแบงก์การันตีอยู่แล้ว ดังนั้นประเด็นที่อัยการมีข้อสั่งการที่สาระสำคัญชี้แพ้ชนะคดีเดินมาถึงที่สุดแล้วตั้งแต่ 7 มีนาคม 2565 แล้ว ซึ่ง detail หรือการตรวจรายละเอียดอะไร มันก็เลยเกินและตกไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงตรงนั้น” รองโฆษก อสส.กล่าว
นายประยุทธ กล่าวด้วยว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกองทัพบกด้วย เรพาะกระบวนการงบประมาณของหน่วยงานของรัฐ มีไทม์ไลน์ในเรื่องยื่นคำขอต่อสำนักงบประมาณ การรวบรวมคำขอ การตั้งเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งคิดว่าตรงนี้อาจอาจจะเป็นส่วนที่ข้างท่อมาเก่า ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวซึ่งทางอัยการนั้น สั่งการไปแค่ทางคดีให้ไปทำอะไร เพื่อวินิจฉัยว่าจะแพ้ชนะคดีคดีอย่างไร ซึ่งเป็นดุลพินิจของอัยการเจ้าของสำนวนที่ดู ภาพรวมทั้งหมดของคดี ส่วนการจะไปทำอย่างไรนั้นเราไม่ก้าวล่วง
เมื่อถามว่าในการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องจีที 200 ทางอัยการส่งเรื่องไปตั้งแต่ปี 2560 และ ปลายปี 2564 ก็รู้อยู่แล้วว่าชนะ โดยเดือน มี.ค. 2565 คดีถึงที่สุดแล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องหาข้อเท็จจริงมาต่อสู้ใช่หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ถูกต้อง ส่วนจะจ้างทำไมนั้น ก็เป็นที่อย่างที่นำเรียน
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกกระทรวงกลาโหม โยนมาเราก็โยนกลับใช่ไหม นายประยุทธ กล่าวว่า เป็นการโยนในเชิงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และรายละเอียดขั้นตอนปฏิบัติซึ่งค่อนข้างชัดเจนแจ่มแจ้ง