"เสมา3" เดิมพันค่ายสีน้ำเงิน สัญญาใจ-เก้าอี้ใคร ?
เก้าอี้ "เสมา3" ยามนี้อาจกำลังร้อนจากคดีความที่เกิดขึ้นกับ “กนกวรรณ วิลาวัลย์” ท่ามกลางกระแสกดดันที่เกิดขึ้นจากนี้ต้องจับตาไปที่ "บิ๊กค่ายสีน้ำเงิน" ว่าจะกู้สถานการณ์อย่างไรต่อไป
พลันที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด 2 พ่อลูก “บ้านใหญ่” เมืองปราจีนบุรี ทั้ง “สุนทร”และ “กนกวรรณ วิลาวัลย์” รมช.ศึกษาธิการ ในคดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยามนี้มีกระแสเรียกร้อง พร้อมจับตาไปที่การ “ปรับครม.” โดยเฉพาะเก้าอี้ “เสมา 3” ที่ ครูโอ๊ะ-กนกวรรณ ครอบครองอยู่
แม้ท่าทีจากฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะ“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ล่าสุดยังไร้สัญญาณการปรับ ครม.เพราะคดีความยังไม่สิ้นสุด
หรือแม้แต่ “หัวหน้าหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะบอกว่ากระแสข่าวปรับ ครม.เวลานี้ยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
ไม่ต่างจากท่าทีของแกนนำพรรค อาทิ “ศุภชัย ใจสมุทร” ที่มองว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นก่อนการเป็นรัฐมนตรี และเมื่อกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ยังถือว่า “ครูโอ๊ะ” เป็นผู้บริสุทธิ์
ทว่า สองสามวันที่ผ่านมา มีกระแสเรียกร้อง ทวงถามถึงสปิริตการเมือง บีบให้ “ครูโอ๊ะ” ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการพูดถึงความเคลื่อนไหวภายในค่ายสีน้ำเงิน โดยเฉพาะชื่อของ “บุญลือ ประเสริฐโสภา” ส.ส.ราชบุรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อดีต รมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ซึ่งมีข่าวว่า จะมาขึ้นแท่นเสมา 3 แทน “ครูโอ๊ะ” หากที่สุดแล้วค่ายสีน้ำเงินต้านกระแสกดดันไม่ไหว หรือ ครูโอ๊ะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในที่สุด
ย้อนที่มาที่ไป ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 และพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โควตาเก้าอี้ “เสมา 3” ก่อนที่จะมาลงตัวที่รัฐมนตรีที่ชื่อ“กนกวรรณ”
ว่ากันว่า ยามนั้น“โกทร” หรือ “สุนทร วิลาวัลย์” ผู้เป็นพ่อ และยังเป็นผู้มากบารมีแห่งเมืองปราจีนบุรี มี “สัญญาใจ”กับ“บิ๊ก ภท.” โดยเฉพาะ “นายใหญ่เมืองปราสาทหิน” เนวิน ชิดชอบ ผู้มากบารมีค่ายสีน้ำเงิน
ถึงขั้นกับประกาศกร้าวให้คนปราจีนฯ ได้รับรู้กันว่า“เก้าอี้รัฐมนตรี”ในสัดส่วนภูมิใจไทย ได้ถูกล็อคเอาไว้ให้รัฐมนตรีที่ชื่อ“กนกวรรณ” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากพาทีมปราจีนบุรีกวาด ส.ส.ยกจังหวัดทั้ง 3 คน ด้วยยี่ห้อตระกูล “วิลาวัลย์” แล้ว จึงไม่แปลกที่ชื่อของ“กนกวรรณ” จะติดโผ 1 ใน 7 โควตารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย เกาะเก้าอี้ “เสมา 3”อย่างเหนียวแน่นยาวนานนับตั้งแต่ ครม.ประยุทธ์ 2/1 จนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ในส่วนของ “บุญลือ” เป็นส.ส.1 เดียวในจังหวัดราชบุรีจาก ส.ส.ทั้งหมด 5 คน มีขุมกำลังอยู่ที่ อ.ดำเนินสะดวก อ.บางแพ และ อ.โพธาราม บางส่วน (เฉพาะตำบลบ้านฆ้อง ตำบลบ้านสิงห์ และตำบลดอนทราย) ซึ่งเป็นขุมกำลังเดิมมาตั้งแต่ลุยสนามการเมืองในนามพรรคไทยรักไทย กระทั่งมาเป็นพรรคพลังประชาชน จนถึงปัจจุบัน
ยิ่งไปกว่านั้น หากยังจำกันได้เมื่อครั้งที่ “ถาวร เสนเนียม” อดีต รมช.คมนาคม พ้นจากตำแหน่ง หลังต้องคดีการชุมนุม กปปส.
ยามนั้นภูมิใจไทยมีการเปิดดีลแลกกระทรวงกับพรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนของ “2 รมช.” โดยตกลงให้ตำแหน่ง “รมช.คมนาคม” ซึ่งแต่เดิมเป็นของประชาธิปัตย์ ไปเป็นโควตาของภูมิใจไทย แลกกับ “รมช.พาณิชย์” ซึ่งมี “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรี ไปให้พรรคประชาธิปัตย์
ยามนั้น มีข่าวออกมาว่า “บุญลือ” พยายามเสนอตัว เบียด “กำนันป้อ" เพื่อโยกจากกระทรวงพาณิชย์ มาอยู่กระทรวงคมนาคม
ทว่า ด้วยสายสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ กับ “กำนันป้อ” หากแต่ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง“กำนันป้อ”กับ “เสี่ยปาน” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาลเวลานั้น ที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองมาตั้งแต่ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.โคราช
ด้วยคอนเนคชั่นหลายชั้น จึงเป็นตัวหนุนให้ “กำนันป้อ” ยังรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ต่างจาก “บุญลือ” ที่ชวดเก้าอี้ไปตามระเบียบในที่สุด
ฉะนั้น จึงไม่แปลก เมื่อมีกระแสกดดันให้ภูมิใจไทย รวมถึงตัว “รัฐมนตรีกนกวรรณ” แสดงความรับผิดชอบจากคดีความที่เกิดขึ้นด้วยการลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการปรับ ครม. ชื่อของ “บุญลือ” ที่ยามนี้ขึ้นแท่นรองหัวหน้าพรรคจะถูกพูดถึงอีกครั้ง
จากนี้ จึงต้องจับตาไปที่เก้าอี้ “เสมา 3” ว่าที่สุดแล้ว บรรดา “บิ๊กค่ายสีน้ำเงิน” จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป?