“กัญชา”ปมร้อน“ขู่ถอนตัว” ลุ้นส.ว.คว่ำนโยบาย“ภูมิใจไทย”
“กัญชาเสรี” เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก ที่ภูมิใจไทย ใช้เป็นจุดขายหาเสียง แต่อาจกลายเป็นพิษทางการเมืองที่ดับฝันการเป็นรัฐบาลเที่ยวหน้า
“กัญชาเสรี” เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก ที่ภูมิใจไทย ใช้เป็นจุดขายหาเสียงของพรรค แต่กระแสในวันนี้ กลับถูกมองว่าเป็น “หลุมดำ” ที่ยังไร้กฎหมายควบคุม
ย้อนไปเมื่อการเลือกตั้งปี 62 ภูมิใจไทยหาเสียงนโยบายส่งเสริมการปลูกกัญชา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “พืชแก้จน พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ กัญชาเสรี”
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค อธิบายประโยชน์ต่อประชาชน และมูลค่าทางเศรษฐกิจว่า “กัญชาเป็นพืชที่สามารถสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศ และพลิกชีวิตคนไทยได้ เพราะประเทศไทยมีสายพันธุ์กัญชามากที่สุด รัฐบาลจึงควรทำให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาได้อย่างเสรี ต้องปลูกได้บ้านละ 6 ต้น โดยจะมีรายได้ปีละ 4.2 แสนบาท ดังเช่นที่เคยประสบความสำเร็จที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา”
พร้อมทั้งประกาศจุดยืนพรรค หากได้เป็นรัฐบาลว่า “ภูมิใจไทยสนับสนุนการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือน หากเหลือจึงขาย โดยรัฐจะเป็นคนรับซื้อ และดูแลพื้นที่การปลูกโดยการซื้อขายต้องผ่านรัฐ ไม่สามารถซื้อขายได้โดยตรง และรัฐจะอุดหนุนให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกันคิดพัฒนาทำวิจัยกัญชาด้วย”
เมื่อชนะเลือกตั้งเข้ามา แกนนำแถวหน้าก็สานฝันให้เป็นจริงทันที หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ที่เพิ่งนั่งเก้าอี้รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ลุยเปิดฉากจัดสัมมนาใหญ่เรื่อง “กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์” เป็นครั้งแรกใน กทม. พร้อมทั้งประกาศว่า“นโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ ได้ถูกบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลเรียบร้อยแล้วและขอให้ประชาชนรอฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศนโยบายรัฐบาลเร็ว ๆ นี้ “ และทิ้งท้ายด้วยเดิมพันการเมืองว่า "ถ้าเราทำนโยบายนี้ไม่ได้ เราสูญพันธุ์อย่างแน่นอน ดังนั้นต้องทำให้สำเร็จ”
นับแต่นั้นมา ปฏิบัติการผลักดันนโยบายกัญชาเสรี ก็เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถูกปลดล็อกจากพืชยาเสพติด เมื่อ 9 มิ.ย.645 ที่ผ่านมา และให้ทุกบ้านปลูกได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต จนขยายผลไปถึงการปล่อยตัวนักโทษคดีกัญชาของกระทรวงยุติธรรมอีกกว่า 4,000 คน
ภูมิใจไทย เร่งเครื่องอย่างหนัก เพื่อดันร่างกฏหมายกัญชา กัญชง ให้เบ็ดเสร็จภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายของรัฐบาล
แม้จะเน้นย้ำเรื่องใช้ทางการแพทย์ แต่กลับปรากฎแรงต้านจากหลายฝ่ายในสังคมขยายวงกว้าง แรงขึ้นมาใหม่ ด้วยความห่วงใยสถานการณ์ การเปิดเสรี ปล่อยผีกัญชาก่อนกฎหมายหลักออกมา โดยไม่มีมาตรการรองรับ จนกระแสเริ่ม “ตีกลับภูมิใจไทย”
ยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น เมื่อผู้ว่าฯ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำร่องออกประกาศ มาตรการเข้มสำหรับโรงเรียนกทม.กว่า 400 แห่ง ให้เป็นเขตปลอดกัญชา ตามมาด้วยกระแสเรียกร้องให้สถาบันการศึกษาทุกระดับออกกฏเข้มเช่นเดียวกัน
ที่น่าสนใจ คือท่าทีของ ส.ว.บางส่วนที่เปิดหน้ายืนต้าน “สมชาย แสวงการ” เป็นหนึ่งในส่วนนี้ ที่ดับเครื่องชน ประกาศจุดยืน ฟาดแรงทั้งในรัฐสภา นอกรัฐสภา
ข้อมูลที่ ส.ว.สมชาย แสวงการ ระบุ ถึงความน่าเป็นห่วงว่า กำลังมีขบวนการขนกัญชาเข้าประเทศ มูลค่าเป็นแสนล้าน ที่เป็นผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม รวมถึงการค้าต้นกัญชาที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะทันทีที่ปลดล็อก 9 มิ.ย.ผ่านมาไม่ถึงสัปดาห์ มีต้นกัญชาขายอย่างเปิดเผยที่เอามาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บางรายผลิตเป็นสารสกัดส่งขายกันแล้ว
ยังไม่รวมถึงสถานการณ์ประเทศ ที่มีข้อท้วงติงถึงความสุ่มเสี่ยงจะละเมิด อนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติด ค.ศ.1961 ระหว่างรัฐภาคี ซึ่งไม่ได้มีแค่ฉบับเดียว แต่ยังมีอีก 2 ฉบับ ทั้งอนุสัญญา ค.ศ.1971 ว่าด้วยสารสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์เหมือนกัญชา การจัดระเบียบและอนุสัญญา ค.ศ. 1988 ว่าด้วยเรื่องการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์
หลายฝ่ายจึงออกมาเตือนถึงการผลักดันนโยบายใดๆ ของรัฐบาลต้องรอบคอบรัดกุมและคำนึงถึงผลได้ ผลเสีย
ว่ากันว่า ส.ว.สายตรงนายกฯ ได้ยื่นข้อมูลไปถึงทำเนียบฯ เพื่อให้เร่งปิดจุดอ่อนเรื่องเหล่านี้ เพราะยังมีเวลาอีกราว 2 เดือน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กัญชา” กำลังกลายเป็นพืชการเมืองตัวใหม่ ที่เป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของนักธุรกิจการเมือง
ขณะที่อีกด้าน ก็ถูกใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองทางการเมือง... เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อท่าทีผู้นำรัฐบาลไม่ได้ไฟเขียว เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด เลยเจอประกาศิตจาก “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” เปิดเกมเขย่าเก้าอี้นายกฯว่า ถ้าไม่ผ่านเจอเกม “ถอนตัว” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลทันที
เจอเข้าไปดอกนี้ พี่น้อง “3 ป.” ก็ไปไม่ถูก ต้องปล่อยเลยตามเลย
สถานการณ์ ทีเด็ดทีขาด ที่นายกฯ ประยุทธ์ กำลังถูกเรียกร้องให้ใช้ภาวะผู้นำในการแก้วิกฤติ ถูกจับตาไปที่ ส.ว.นั่งร้านรัฐบาลแอบส่งสัญญาณพร้อมคว่ำ หรือใช้วิธีลากยาวด้วยการตั้งกรรมาธิการร่วม จนไม่ทันสมัยประชุมสุดท้ายนี้
สำหรับภูมิใจไทย ที่พยายามแก้เกมด้วยการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง“สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ 2565” ห้ามใช้ในผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี ... จะเอาอยู่หรือไม่เพราะฝ่ายค้านฝ่ายแค้นฉวยจังหวะเข้าซ้ำ เตรียมประเด็นกัญชา เอาไว้ถล่มในศึกซักฟอกรอบนี้
เส้นทางสายเขียวของภูมิใจไทยจึงไม่ง่าย และนโยบายกัญชาเสรี อาจกลายเป็นพิษทางการเมืองที่ดับฝันการเป็นรัฐบาลเที่ยวหน้า เมื่อสังคมระแวงว่าได้ไม่คุ้มเสีย