"ชัชชาติ" ถก "สภาหอการค้าไทย" ตั้งคณะกรรมการร่วมฯ รัฐ-เอกชน
"ชัชชาติ" ถก "สภาหอการค้าไทย" ตั้งคณะกรรมการร่วมฯ รัฐ-เอกชน ผนึกความร่วมมือไร้รอยต่อภายใน 1 เดือน ตั้งเป้าเมืองเปลี่ยนแปลง
วันที่ 17 มิ.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือระหว่างผู้บริหารหอการค้าไทย สภาหอการค้าไทย และกทม.ว่า เอกชนถือว่ามีบทบาทสำคัญมากในการสร้างเมือง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ วิชาการ เอกชน และประชาชน เป็นเรื่องสำคัญและต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนเมือง ทั้งนี้ หอการค้าไทยเห็นตรงกับกทม.ในการที่จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในระดับ กทม.เพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งการกำหนดยุทธศาสตร์ของเมืองในอนาคตจำเป็นต้องฟังภาคเอกชนด้วย เพราะภาคเอกชนจะมีเข้าใจในธุรกิจในอนาคตดีกว่า
นายชัชชาติ กล่าวว่า หน้าที่ของเมืองมี 3 อย่างคือ การทำเรื่องคุณภาพชีวิต การทำเรื่องประสิทธิภาพของเมืองและการทำเรื่องการสร้างโอกาส ซึ่งเห็นว่าสอดคล้องกับการทำงานของสภาหอการค้าไทย รวมถึงสภาหอการค้าไทยยังได้นำเสนอโครงการซึ่งตรงกับนโยบายหลายหลายด้าน อาทิ การประสานสถานทูตจีนเพื่อสนับสนุนครูให้มาสอนภาษาจีนในโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่ง การทำ e-Commerce การทำ Open Data เพื่อเปิดเผยข้อมูล กทม.ก็เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการอยู่
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จเร่งด่วนภายใน 1 เดือนได้แก่ โครงการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมฯ และโครงการ Street Food ซึ่งนำเสนอโดยกลุ่มYEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce )ของสภาหอการค้าไทย โดยจัดถนนคนเดินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีพื้นที่ทำการค้าลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นอกจากนี้ในเรื่องของการฝึกอาชีพ ซึ่ง กทม.มีโรงเรียนฝึกอาชีพอยู่แล้วหลายแห่ง แต่หลายครั้งที่การฝึกอาชีพไม่ตรงกับความต้องการของภาคเอกชนทางสภาหอการค้าจะได้ให้การสนับสนุนเพื่อปรับปรุงหลักสูตร ให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีทักษะและความเชี่ยวชาญที่ตรงกับความต้องการของตลาดได้
"รวมถึง กทม.ได้เสนอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดประชุมAPEC CEO Summit 2022 โดยดูแลอำนวยความสะดวกในการเดินทางทั้งถนนหนทางและภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อให้การจัดประชุมครั้งนี้เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรีของประเทศไทย"นายชัชชาติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการหารือครั้งนี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอประเด็นที่จะผลักดัน 6 ประเด็น ดังนี้
1.การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน ของกรุงเทพมหานคร (กรอ.กทม.) เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันและลดความเหลื่อมล้ำ และร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ของ กทม.ร่วมกัน
2.การสร้าง Ecosystem ที่เหมาะกับ การสร้างและบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยได้มีการนำเสนอการสร้างผู้ประกอบการของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ ได้มีการยกตัวอย่างของหอการค้าฯ ที่มีการสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่(YEC) กรุงเทพฯ ในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมของหอการค้าฯ โดย ได้มีข้อเสนอพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ ในมิติต่าง ๆอาทิ เช่น การพัฒนา Street Food เป็นต้น
3.การเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพงาน APEC 2022 ช่วงเดือน พ.ย.นี้ โดยเฉพาะงาน APEC CEO Summit ที่วางแผนจะจัดขึ้นที่ ไอคอนสยาม จึงขอให้ทาง กทม. ช่วยเร่งการก่อสร้างและปรับปรุงถนนแถวนั้น รวมถึงเข้ามามีส่วนร่วมหรือสนับสนุนกิจกรรมเนื่องจากเป็นงานระดับชาติที่มีผู้นำจากทั่วโลกเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งพื้นที่การจัดงานทั้งหมดอยู่ในพื้นที่กทม.
4.โครงการอบรมข้าราชการครูในสังกัด กทม.เพื่อการพัฒนานักเรียนสู่การเป็นพลเมืองโลก (To become active global citizens) โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างพลเมืองไทยให้กลายเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด กทม.ให้มีความองค์ความรู้ และความเข้าใจในการสร้างสรรค์พลเมืองโลก ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการเรียนรู้ผ่านประเด็นทางสังคม รวมถึงมีการเสริมเรื่องการสอนภาษาจีนให้โรงเรียนของสังกัดกทม 400 กว่าโรงเรียนทั้งระดับประถม มัธยม และอาชีวะด้วย ซึ่งการสร้างคนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
5.ผลักดันให้เกิดการทบทวนราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เนื่องจากปัจจุบันราคากลาง ไม่เท่ากับราคาตลาด ทำให้กระทบต่อหลายโครงการที่ดำเนินการอยู่ หรือกำลังอยู่ระหว่างสรรหาผู้รับเหมา ซึ่งราคาที่ต่างกันอาจทำให้เกิดกรณีผู้รับเหมาบางรายทิ้งงานในหลายโครงการ รวมถึงภาคธุรกิจแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงมากในช่วงที่ผ่าน ดังนั้น จึงเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม.หารือกับกรมบัญชีกลาง ช่วยผลักดันประเด็นดังกล่าว เพื่อให้สะท้อนต้นทุนความเป็นจริงของภาคธุรกิจ
6.หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ที่เรียกว่า หลักสูตร Top Executive Program on China Business Insights and Network หรือเทพเซียน (TEPCIAN) เป็น หลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับสูงทั้งชาวไทยและชาวจีนที่ต้องการทำการค้า การลงทุน การท่องเทียว ระหว่าง 2 ประเทศ และถือเป็นหลักสูตรแรกของไทยที่เน้นให้ผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมของจีน ได้รับทราบถึงแนวทางในการค้า การลงทุน และการประสานงานกับภาครัฐของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศด้วยโดยเฉพาะการท่องเที่ยว