“ชัชชาติ”แจงกมธ.ปมสายสีเขียว ชี้เก็บ59บาทหวังสางหนี้ จ่อถกปธ.เคที2ก.ค.
“ชัชชาติ” แจง “กมธ.คมนาคม” รับกทม.แบกหนี้ “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” มาพร้อมกับหนี้แสนล้าน แจงเก็บ59บาทตลอดสาย มาตรการระยะสั้น หวังสาง “ส่วนต่อขยายที่2”ชี้ปม “ตั๋วร่วม” ไม่ช่วยแก้โครงสร้าง จ่อคุย ‘ปธ.กรุงเทพธนาคม’ เคาะคืบหน้า2ก.ค.นี้
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกมธ.ฯ เป็นประธานการประชุม
มีวาระที่สำคัญคือการพิจารณาแนวนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยกมธ.ฯ ได้เชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้ามาชี้แจงรายละเอียดในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ข้อเสนอแนวคิดเก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน59บาท เป็นต้น
โดยนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ ยอมรับว่า ปัญหาที่หนักอกที่สุดคือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวกทม.จะมีรถไฟฟ้าในการดูแล2สายคือ
1.รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ และช่วงพระโขนง-พระราม3 เลียบทางด่วนรวมอินทราอาจณรงค์-พระราม3
และ 2.สายสีเงิน ช่วงบางนา-สุวรรณภูมิ ขณะนี้มีแนวคิดว่าการก่อสร้างโครงการใหญ่ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุน เพราะกทม.ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญ หากกทม.เป็นเจ้าของรถไฟฟ้าเพิ่ม ก็จะกลายเป็นว่าแยกจากระบบขนส่งรวมจากรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ถ้าเกิดว่าสามารถรวมให้เกิดตั๋วราคาเดียวกัน หรือตั๋วร่วม และมีเจ้าของเพียงผู้เดียว เหมือนอย่างฮ่องกง หรืออังกฤษ
ดังนั้นรถไฟฟ้า2สายที่กทม.ดูแล จะเจรจาว่าสามารถให้รัฐบาลดูแลเพียงผู้เดียวได้หรือไม่
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อว่า สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว กำลังคลี่คลายปัญหาอยู่ เนื่องจากสัญญาจะหมดในปี 2572 แต่บังเอิญมีการต่อสัญญาล่วงหน้าออกไปอีกจากปี2572-2585 ในการจ้างเอกชนเดินรถ เมื่อมีสัญญาผูกพันกับเอกชนแล้ว ต้องไปดูเงื่อนไขว่า เราจะทำอะไรเกินจำเป็นไม่ได้
รวมทั้งมีภาระเรื่องหนี้ที่รัฐบาลลงทุนไป แล้วโอนมาให้กทม. รวมกับหนี้ที่จ้างเดินรถประมาณ100,000ล้านบาทที่ยังค้างชำระ แต่ต้องมาพิจารณาอีกทีว่าจะแบ่งจ่ายอย่างไร นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราก็คงต้องดูแลต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวถึงข้อเสนอของให้เก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเพดานไม่เกิน59บาทว่า รถไฟฟ้าแบ่งเป็น3ส่วน ส่วนขยายที่1เราเก็บค่าโดยสาร15บาท ส่วนไข่แดงเก็บค่าโดยสาร44บาท แต่ส่วนขยายที่2ไม่เคยเก็บเลย แต่ไม่ได้ฟรีเนื่องจากกทม.จ้างเอกชนเดินรถ ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI จึงเสนอให้ขยายเพดานเป็นไม่เกิน59บาทในทั้ง3ส่วน
ขณะที่สภาองค์กรของผู้บริโภค ออกมาระบุ มีประชาชนเพียง3เปอร์เซ็นต์ที่ใช้บริการรถไฟฟ้าซึ่งหากเอาภาษีประชาชนไปใช้จ่ายในส่วนนี้อาจจะไม่ค่อยแฟร์นั้น ยืนยันว่าแนวคิดการเก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน59บาท เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นในส่วนขยายที่2เท่านั้น
สำหรับข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่ให้เก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน44บาท จึงเป็นไปได้ยาก เพราะแค่ในส่วนไข่แดงเก็บ44บาทก็ขาดทุนแล้ว นอกจากนี้แนวคิดตั๋วร่วม อย่าเข้าใจผิดว่าจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาราคารถไฟฟ้าได้ เพราะตั๋วร่วมเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน แต่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างราคา ปัจจุบันมีการใช้ระบบเทคโนโลยีต่างๆ เพียงใช้บัตรเครดิตก็สามารถใช้บริการได้ทุกที่
จากนั้นนายโสภณ ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เราอยากทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. คือมาเอ็กซเรย์ปัญหาและกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานในกทม. โดยทางกมธ.จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยทางผู้ว่าฯ กทม. จะส่งคนมาร่วมเป็นอนุกรรมาธิการด้วย
ขณะที่นายชัชชาติ กล่าวว่า การทำงานของ กทม.ต้องประสานกับหลายหน่วยงานรวมทั้งรัฐบาลด้วย เพราะหลายอย่างไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา รวมทั้งกฎหมายต่างๆ บางครั้งอาจจะต้องมีการปรับแก้เพื่อให้กฎหมายที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์คนกทม.ได้ จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่กมธ.เชิญมาเพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ และการตั้งอนุกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะได้เห็นปัญหาและแก้ปัญหาได้เลย
ส่วนเรื่องปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว สัปดาห์หน้าน่าจะมีความคืบหน้า โดยตนจะพบนายธงทอง จันทรางศุ ประธานบริษัทกรุงเทพธนาคมจำกัด (เคที) ในวันที่ 2 ก.ค.นี้