"นายกฯ" เรียกถก "สมช." 4 ก.ค. ติดตามแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ-พลังงาน
นายกฯ เรียกถกสภาความมั่นคงแห่งชาติ จันทร์หน้า ตามความคืบหน้าแผนรับมือวิกฤติพลังงาน-ไฟฟ้า-อาหาร ด้าน เลขาฯสมช. เผยวางแผนแก้ไขเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว ข้อสรุปเสนอ ครม. ต่อ ให้ทุกหน่วยงานรับทราบบทบาท แย้มตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ-กลไกพิเศษรับมือวิกฤติ
พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึง เปิดเผยว่าในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. นี้ จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแผนรับมือวิกฤติพลังงานและอาหาร ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยในระยะสั้นจะครอบคลุมระยะเวลา 3 เดือน ส่วนระยะกลางจะประเมินสถานการณ์ในช่วง 6 เดือน และในระยะยาวจะครอบคลุมระยะเวลาตลอดปี 2566 ทั้งปีว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร ซึ่งทุกหน่วยงานต้องเตรียมการรองรับสถานการณ์และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น โดยแผนที่จะเสนอจะเป็นเรื่องของการเตรียมข้อมูลและความพร้อมต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่กระทบผู้คนเป็นวงกว้าง เพราะจากราคาพลังงานจะมีการกระทบไปยังภาคขนส่ง ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ โดยขณะนี้เรื่องของพลังงานเป็นเรื่องอันดับแรกที่จะกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของปัจจุบัน โดยในระยะเร่งด่วน 3 เดือนที่จะกระทบแน่ๆ ต้องเร่งทำแผนออกมา เพื่อให้สามารถแก้ไขได้ ส่วนของราคาสินค้ามีการกระทบอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ก็มีการแก้ไขมาโดยตลอด สำหรับการแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเปราะบางในตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สมช. ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งผู้แทนจากภาคเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และมีการปรับปรุงข้อมูลโดยตลอด รวมทั้งในเสาร์-อาทิตย์นี้ จะมีการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยเป็นปัจจุบันมากที่สุด โดยแผนที่ออกมาจะครอบคลุมทั้งหมด ทั้งพลังงาน ไฟฟ้า และอาหาร โดยจะเป็นข้อเสนอไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องส่วนข้อเสนอของ สมช. จะเน้นไปที่ความมั่นคงเพื่อไม่ให้เกิดความขาดแคลน
ขณะที่เรื่องของราคา กระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่แล้ว และในขั้นต่อไปจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ทุก กรม และกระทรวงต่างๆ รับทราบแนวทางในการปฏิบัติหลังจากที่สภาความมั่นคงแห่งชาติเห็นชอบแล้ว
นอกจากนี้ อาจมีการตั้งกลไกพิเศษเฉพาะกิจขึ้นมาให้ปฏิบัติหน้าที่รองรับวิกฤต โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เข้ามาเพื่อรับมือกับวิกฤติที่จะเกิดขึ้นก็เป็นได้ อน่างไรก็ตาม แม้ สมช. จะไม่เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ขอย้ำว่าเราไม่ได้ทำงานคนเดียว โดยตนได้พบกับรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจทุกคน เพื่อรับทราบปัญหา และเชิญหน่วยงานเศรษฐกิจมาพูดคุย เพื่อให้ได้แผนที่จะรองรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งขอให้รอฟังหลังประชุมวันจันทร์หน้า
เมื่อถามว่า ในส่วนของโรงกลั่นเป็นอำนาจที่ สมช. จะกำหนดเรื่องข้อกฎหมาย เพื่อมากำหนดเพดานการกลั่นหรือไม่ เลขาฯ สมช. บอกว่าเรื่องนี้ต้องใช้กลไกตามกฎหมายที่แต่ละกระทรวงมีอยู่ ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ แต่ละกระทรวงมีอำนาจตามกฎหมายต้องไปหารือกับเอกชน หรือเป็นการเจรจาซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้