ตามใบสั่ง! "รัฐสภา" 392เสียง โหวตพลิกสูตรคำนวณส.ส.ใช้500หาร
รัฐสภา ถกยาวกว่า4 ชั่วโมง ปมตัวเลขหาค่าเฉลี่ยส.ส.บัญชีรายชื่อ บรรยากาศดุเดือดจน "พรเพชร" ถูกส.ส.ไล่ออกจากห้องประชุม ก่อนลงมติเสียงข้างมากพลิกใช้จำนวน 500 คนหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ.... ในมาตรา 23 ซึ่งแก้ไขเนื้อหาของมาตรา 128 ว่าด้วยวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งกมธ.เสนอให้ใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ยต่อส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ได้ใช้เวลาพิจารณาถกเถียงนานกว่า 4 ชั่วโมง
โดยกมธ. ที่สงวนคำแปรญัตติให้แก้ไขใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ย อาทิ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว., พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. และนายกิตติ วะสีนนท์ ส.ว. อภิปรายในทำนองเดียวกันว่าสูตรที่หารด้วยจำนวน 500 คนนั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มาตรา 91 เพราะไม่กำหนดรายละเอียดชัดเจนว่าจะใช้จำนวน 100 คน หรือ 500 คนเพื่อหาค่าเฉลี่ยอีกทั้งในรายงานของกรรมาธิการที่พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ระบุถ้อยคำที่ชัดเจนไว้
ทั้งนี้ พล.อ.อกนิษฐ์ อภิปรายแสดงความชัดเจนว่า ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...)พ.ศ..มีหลักการส่งเสริมให้พรรคการเมืองเติบโต เกิดง่าย ยุบยาก แต่การกำหนดให้ใช้จำนวน 100 คนหารนั้นไม่ส่งเสริมหลักการดังกล่าว ทำให้พรรคเกิดใหม่ไม่มีโอกาสได้เข้าสภา
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะกมธ.เสียงข้างมากอภิปรายชี้แจงว่า การแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้นทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มาตรา 91 ว่าด้วยสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งกำหนดรายละเอียดสำคัญคือ ต้องเป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กัน อย่างไรก็ดีตนตนในฐานะอดีตประธานกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเตรียมรายงานการประชุมทั้งหมดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ามีการพิจารณาความชอบของร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 23 ที่แก้ไขมาตรา 128 ว่าจะใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ยได้หรือไม่พร้อมจะนำเจตนารมณ์ไปพิสูจน์กันในศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายล่วงเลยมาถึง เวลา 21.20 น. จนมีเหตุวุ่นวายในระหว่างการพิจารณา เนื่องจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้อนุญาตให้สมาชิกรัฐสภาที่ไม่ได้สงวนคำแปรญัตติอภิปราย ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก แต่ถูกทักท้วงจากสมาชิกรัฐสภาที่ไม่สงวนความเห็นว่าไม่เป็นธรรม จนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ลุกประท้วงการทำหน้าที่ของนายพรเพชร เช่นกัน ได้เสนอต่อที่ประชุมให้เปลี่ยนตัวประธานในที่ประชุม
แต่นายพรเพชร ยังยืนยันต่อการให้สิทธิกมธ.ที่ส่งรายชื่อชี้แจงแม้จะไม่สงวนคำแปรญัตติ เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพราะเหมาะสมที่จะพูด แต่ไม่อนุญาตให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะกมธ. อภิปราย อย่างไรก็ดีเหตุการณ์วุ่นวายดังกล่าวคลี่คลายลง เมื่อนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ฐานะประธานกมธ. ยืนยันต่อรายชื่อกมธ.ที่เสนอให้ในฐานะผู้ชี้แจงในส่วนของกมธ.ที่ยืนยันต่อการใช้จำนวน100 คนหาค่าเฉลี่ยของส.ส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้นายพรเพชร กล่าวตอนหนึ่งด้วยว่า “ผมอยู่สภามาตั้งแต่เด็ก แม้ผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ยึดมั่นในสถาบันนิติบัญญัติ แม้ท่านอาจจะด้อยค่า ไล่ออกจากตำแหน่ง เปลี่ยนตำแหน่ง ผมให้อภัย แต่ท่านควรให้เกียรติผู้มีตำแหน่งในสภาแห่งนี้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับการชี้แจงของกมธ. ที่ยืนยันต่อการใช้จำนวน 100 คนหาร โดย นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. ฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กรณีที่รัฐสภาเห็นชอบกับการใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ยหากให้ความเห็นชอบสูตรนี้จะเป็นปัญหา เพราะเมื่อนำมาคำนวณแล้วจะทำให้ได้ส.ส.เกินกว่าจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ขณะที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวกับที่ประชุมย้ำว่า จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแน่นอน หลังจากพบว่าฝ่ายบริหารมีการก้าวล่วงอำนาจอธิปไตย ถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ดังนั้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีการอภิปรายเรื่องดังกล่าวแน่นอน
จากนั้นเวลา 21.48 น. นายพรเพชร ยุติการอภิปรายและเรียกส.ส.แสดงตน ก่อนจะลงมติ ผลปรากฎว่าเสียงข้างมาก 392 เสียง ไม่เห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมากที่เสนอให้ใช้จำนวน 100 คนหาค่าเฉลี่ย ต่อ 160 เสียง งดออกเสียง 23เสียง ทำให้เสียงข้างมากเห็นด้วยกับการแก้ไขที่ให้ใช้จำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นที่ประชุมได้ลงมติตัดสินว่าจะเห็นด้วยกับคำแปรญัตติของผู้สงวนคำแปรญัตติกลุ่มใด พบว่า กลุ่มของส.ว., นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท, นายสมชัย ศรีสุทธิยากร , นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ขอถอนญัตติและสนับสนุนให้ใช้เนื้อหาของนพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ ขณะที่คำแปรญัตติของ พล.ต.ท.วิศนุ ม่วงแพรสรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์, นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้ขอถอนญัตติ ทำให้คงเหลือญัตติที่ต้องตัดสิน คือสูตรของ นพ.ระวี กับ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 354 เสียง เห็นด้วยกับคำแปรญัตติ ของนพ.ระวี ต่อ 162 เสียง งดออกเสียง 37 เสียง
จากนั้นที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาต่ออีก1 มาตรา คือ มาตรา 24 ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะปิดประชุมไปเมื่อเวลา 22.16 น. ทั้งนี้มาตราที่เหลือจะกลับมาพิจารณาต่อในวันที่ 26 - 27 กรกฏาคม.