แตกแบงค์พัน ทางรอด “ทักษิณ” จับตาฟื้นพรรค"เส้นทางใหม่"
พอประเมินได้ว่าสูตรหาร 500 พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ ส.ส. มากสุด 240 เสียง หากใช้สูตรหาร 100 อาจได้มากสุดถึง 265 เสียง พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ ส.ส.เกินครึ่งสภา
ปฏิบัติการไฮแจ็คสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ แบบหาร 100 พลิกกลับมาใช้แบบหาร 500 มาจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เกรงใจพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
เพราะสัญญาใจของ “3 ป.” แบ่งงาน-แบ่งเกมกันเล่นอย่างชัดเจน เมื่องานการเมืองอยู่ในความดูแลของ “ประวิตร” หากจะเข้าไปแซงก์ชั่นโดยตรงมากไป จะกระทบต่อความสัมพันธ์ และงานการเมือง
“ประยุทธ์” จึงรอเวลาที่เหมาะสม ก่อนจะมีการโหวตร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง รายมาตรา เพียง 1 วัน โดยใช้เสียงโหวตของ “หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล” กดดัน “ประวิตร” ภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ทำให้หัวหน้าพรรค พปชร.ต้องยอมถอย ยึดตามเสียงส่วนใหญ่
เมื่อ “ผู้มีอำนาจ” เป็นผู้กำหนดกติกา “ประยุทธ์” สอบถามข้อมูลจาก “กุนซือ” ทั้งทางฝ่ายทหาร-ฝ่ายการเมือง เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างสูตรหาร100-สูตรหาร 500 เกือบทุกเสียงฟันธงไม่ต่างกันว่า “ขั้วรัฐบาล” จะเสียเปรียบ “พรรคเพื่อไทย” อย่างหนัก
ประกอบกับกระแสของตัว “ประยุทธ์-พลังประชารัฐ” ตกลงฮวบฮาบ ขณะที่หลักคิดของ “ประวิตร” มุ่งมั่นให้พรรคพลังประชารัฐ โกย ส.ส. เขต โกย ส.ส. บัญชีรายชื่อ จึงอยู่ในสถานการณ์ยากยิ่ง แม้ “กุนซือป่ารอยต่อ” จะทำนายตัวเลข ส.ส. พลังประชารัฐ ว่าจะอยู่ที่ 150 ที่นั่ง
ฉะนั้น การเปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ มาเป็นสูตรหาร 500 จึงเป็นประโยชน์อีกทาง คือดับฝัน “แลนด์สไลด์” ของ “โทนี่ วู้ดซัม” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ไปโดยปริยาย
จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” จะออกมาสวนกลับผ่านคลับเฮาส์ โดยวิเคราะห์ตัวเลข สมการการเมือง ระหว่าง 2 ขั้ว
“ผมประเมิน สมมุติว่าถ้าเป็นหาร 500 ก้าวไกลจะได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะขึ้น ถ้าหาร 100 เพื่อไทยจะได้ปาร์ตี้ลิสต์เยอะขึ้น สองพรรคนี้ออกหัวออกก้อยก็ 300 บวก”
การประเมินตัวเลข ส.ส. ของ “ทักษิณ” อยู่ในสมการที่เป็นไปได้ แต่โจทย์ใหญ่คือ “ทักษิณ” จะกล้ากดปุ่มให้พรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคก้าวไกล เพื่อจัดตั้งรัฐบาล คงต้องประเมินสถานการณ์อย่างหนัก เพราะอาจสะเทือนต่อแผน “กลับบ้าน” ของตัวเองได้เช่นกัน
ดังนั้น ทางรอด-ทางเลือกของ “ทักษิณ-เพื่อไทย” จึงจำเป็นต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เมื่อสูตรหาร 500 ทำให้โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ลดลง แต่ยังพอมีเวลาให้ “ทักษิณ-นักรบห้องแอร์” ได้มีเวลาเปลี่ยนแผน
โดยแผนแตกแบงค์พัน แตกพรรคใหม่ เพื่อเก็บ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ถูกพูดถึงทันที ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่กระจายขุนพลบางส่วนไปสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แต่กลับแพ้ภัยตัวเอง โดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเสียก่อน แผนแตกแบงค์พันจึงต้องพับไป
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า ลองเอาสถิติเลือกตั้ง ปี 2554 มากาง (ไม่ใช้ของปี 2562 เนื่องจากปี 2562 เป็นบัตรใบเดียว และเพื่อไทยส่งผู้สมัครเพียง 238 เขตจาก 350 เขต)
สถิติเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้คะแนน 15.7 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 48.41 โดยมีตัวเลข ส.ส. ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อรวม 265 ที่จาก 500 ที่ คิดเป็นร้อยละ 53 ของ จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนทั้งสภา
หากคิดในระบบหาร 500 และจัดสรรปันส่วนผสม จากคะแนนที่ได้รับในบัตรใบที่สอง คือร้อยละ 48.41 จำนวน ส.ส.พึงมีของพรรคเพื่อไทยจะเป็น 240 คน จาก 500 คน หรือ หายไป 25 เสียง
จึงพอประเมินได้ว่าสูตรหาร 500 พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ ส.ส. มากสุด 240 เสียง หากใช้สูตรหาร 100 อาจได้มากสุดถึง 265 เสียง พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ ส.ส.เกินครึ่งสภา
เมื่อดูตัวเลขตามสูตรคำนวณของ “สมชัย” แม้ “ทักษิณ” จะบอกว่า สามารถจับมือพรรคก้าวไกล ทำให้มีกว่า 300 เสียง แต่ใจจริงของ “ทักษิณ” ต้องการให้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส. 250 เสียง แบบพรรคเดียว ไม่ต้องรวมเสียงกับพรรคอื่น เพื่อตัดปัญหาการต่อรองทางการเมือง
จึงมีโอกาสสูงที่ “ทักษิณ” จะกลับมาใช้ยุทธศาสตร์ "แตกแบงค์พัน" อีกรอบ
ทว่า เวลานี้บรรดา “ขุนพล” ไม่มีใครอยากออกจากพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “นักรบห้องแอร์” ที่กุมอำนาจภายในพรรคอยู่เกือบเบ็ดเสร็จ
แต่จุดบอดของ “นักรบห้องแอร์” คือต้องสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ เท่านั้น เนื่องจากไม่มีพื้นที่ ส.ส.เขตเป็นของตัวเอง หากยังอยู่ในบัญชีรายชื่อ ก็เสี่ยงที่วืดเก้าอี้ ส.ส. เพราะมีเกณฑ์ ส.ส.พึงมี กำกับอยู่
มีการคำนวณคร่าวๆ ว่า ลำดับปลอดภัยของ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยอยู่ไม่เกินลำดับที่ 15 หากใครอยู่หลังจากนี้ไป แทบไม่มีโอกาสนั่งเก้าอี้ ส.ส.
ดังนั้นหาก “ทักษิณ” จำเป็นต้องแตกแบงค์พัน จึงน่าจับตาว่า ขบวนการรีเซ็ตพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ จะมอบหมายให้ใครดำเนินการ
เริ่มมีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” อาจจะเลือกใช้บริการ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเคยเซ็ต "พรรคเส้นทางใหม่" แต่ต้องพับแผนเมื่อสูตรหาร 100 มาแรง และกลับพรรคเพื่อไทย
ว่ากันว่า ชื่อของ “จาตุรนต์” เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งพอจะดึงพลพรรคคนเสื้อแดง มาเก็บแต้ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ต้องจับตาการปรับเกมของ “ทักษิณ” ในโจทย์ที่พรรคเพื่อไทย-พรรคแตกแบงค์พัน เพื่อให้ได้ ส.ส. มากกว่า 250 เสียง เกินครึ่งสภา เพื่อไม่จับมือกับ “พรรคก้าวไกล” ให้ “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ระแวง จนไม่สามารถเดินตามแผน “กลับบ้าน” ได้