ผู้มีอิทธิพลไม่ใช่เชิงลบ! ป.ป.ช.แจง กม.เปิดช่องฟ้องนอกเขตศาลคดี “นิพนธ์”

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 50 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ด้วยเหตุผลเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ ว่า คำว่าอิทธิพล ไม่ใช่แปลความในทางลบ แต่หมายถึงผู้กว้างขวาง คนรู้จักเยอะ เพราะอยู่ในพื้นที่มาก่อน อาจจะรู้จักทั้งประชาชน ทั้งข้าราชการ ดังนั้นหลักการคือเราไม่ได้ดูที่ทางศาล เราดูจากในพื้นที่ การที่นำพยานบุคคลไปไต่สวนในพื้นที่เราต้องคุ้มครองเขา ป.ป.ช.มองว่าหากมาไต่สวนใน กทม.เราจะคุ้มครองพยานได้ดีกว่า และเขากล้าที่จะพูดความจริงได้มากกว่า

“การไปแปลความเองว่าอิทธิพลหมายถึงเป็นผู้ค้ายา หรือเป็นมาเฟีย ขายของผิดกฎหมาย เราไม่ได้หมายถึงอิทธิพลในทางแบบนั้น แต่คำว่าอิทธิพลในความหมายนี้คือเป็นผู้กว้างขวาง เช่นคุณเป็นนายก อบจ. คุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็น ส.สคุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็นนักการเมืองประชาชนเชื่อถือหรือไม่ นั่นหมายถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด เพราะฉะนั้นก็ต้องแปลความให้ดี ๆ แต่เขาอาจจะเข้าใจผิด” นายนิวัติไชยกล่าว

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการฟ้องนอกเขตอำนาจศาลนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ที่ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ ซึ่งตามมาตรา 22 อนุ 1 กำหนดว่าการฟ้องทำได้ 2 กรณี คือฟ้องในเขตอำนาจศาล และฟ้องในถิ่นที่อยู่อาศัยของทางผู้ถูกกล่าวหา จำเลย หรือสถานที่ที่เกิดเหตุ ในเรื่องที่อยู่เราดูว่า นายนิพนธ์ดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย มีถิ่นที่อยู่ใน กทม. จึงฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ แต่สุดท้ายเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะรับฟ้องหรือไม่ หรือจะให้ไปฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 กรณีดังกล่าวไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อถือศาล