พลิกภารกิจ สลค.ทำอะไร? ไฉนต้องซื้อ “แท็บเล็ต” สเปกเทพ 210 เครื่อง 14.3 ล้าน

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. คือหน่วยงานราชการที่ถูกสาธารณชนจับตามองอย่างมากในช่วงเวลานี้

พลันที่ “จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” ส.ส.เขต 4 จ.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ออกมาปูดว่า มีการเตรียมขอเงินงบประมาณไปใช้กับโครงการจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทดแทนระบบเดิม รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 67,240,000 บาท โดยในจำนวนนี้มีการจัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 3 รูปแบบ จำนวน 210 เครื่อง รวมวงเงิน 14,370,000 บาท

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า การจัดหา “แท็บเล็ต” 3 รูปแบบ จำนวน 210 เครื่องดังกล่าว สลค.เขียน “สเปกเทพ” ให้ใกล้เคียงหรือเทียบชั้นกับ Ipad Pro 2021 ที่เพิ่งออกมาเมื่อปี 2564 ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง CPU เรื่อง RAM เรื่องความจุหน่วยความจำ รายละเอียดหน้าจอ กล้องหน้า-กล้องหลัง เป็นต้น

อ่านข่าว: เปิดสเปกเทพ สลค.จัดซื้อ “แท็บเล็ต” 210 เครื่อง 14.3 ล้าน เทียบชั้น Ipad Pro

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 สลค.เคยจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบใหม่ทดแทนระบบเดิม มาแล้ว วงเงินงบประมาณรวม 65,155,600 บาท ตั้งราคากลางอยู่ที่ 65,155,140 บาท โดยมีเอกชนผู้ชนะการประกวดราคา เสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 51.3 ล้านบาท

อ่านข่าว: ปี 59 สลค.ทุ่ม 51.3 ล้านจัดระบบเทคโนโลยี ผ่าน 6 ปีซื้อใหม่ มี “แท็บเล็ต” สเปกเทพ

คำถามที่น่าสนใจคือ สลค. มีหน้าที่และภารกิจทำอะไรบ้าง ไฉนต้องใช้เครื่องมือ-อุปกรณ์เทคโนโลยี “ล้ำสมัย” ขนาดนี้

ในเว็บไซต์ สลค. ระบุภารกิจไว้ว่า กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2559 ข้อ 2 กำหนดให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีภารกิจเกี่ยวกับราชการของคณะรัฐมนตรี การประสานราชการรัฐสภา การประสานราชการกับส่วนราชการในพระองค์ การประสานราชการกับกระทรวง กรมและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ และภารกิจเกี่ยวกับประชาชน โดยพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร พัฒนาการออกกฎ ระเบียบ คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีประสานการปฏิบัติตามนโยบายและมติคณะรัฐมนตรีตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อนำไปสู่การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ มุ่งผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1. ดำเนินการเกี่ยวกับราชการของคณะรัฐมนตรี

2. ประสานราชการกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เกี่ยวกับการดำเนินการเสนอและพิจารณาร่างกฎหมาย และเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้ขอรับความยินยอม หรือความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ตลอดจนเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา เสนอมายังคณะรัฐมนตรี

3. ประสานราชการกับส่วนราชการในพระองค์เกี่ยวกับภารกิจของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีที่จะต้องขอพระราชทานพระกรุณาตามกฎหมายหรือระเบียบประเพณี

4. ประสานราชการกับกระทรวง กรม และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

5. บริการและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของทางราชการเกี่ยวกับงานในอำนาจหน้าที่แก่ประชาชน

6. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

อ่านรายละเอียด คลิกที่นี่

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ สลค. ระบุไว้ 9 ข้อดังนี้

(1) จัดวางระเบียบและพัฒนางานสารบรรณเพื่อควบคุม ประสานงานและติดตามกระบวนการนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีและการนำ เรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการ

(2) ดำเนินการเกี่ยวกับการพัสดุ อาคารสถานที่ ยานพาหนะ และงานบริหารพัสดุเครื่องราชอิสริยาภรณ์

(3) ให้บริการและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้ห้องประชุมและการรับรองในเรื่องอื่น ๆ แก่คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการต่าง ๆ ตลอดจนการประชุมภายในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(4) ดำเนินการเกี่ยวกับงานช่วยอำนวยการ งานเลขานุการ และงานประชาสัมพันธ์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(5) จัดระบบงานและบริหารงานบุคคล รวมทั้งงานสวัสดิการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(6)  ดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การบริหารงบประมาณของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

(7) ดำเนินการเกี่ยวกับงานอนุรักษ์เอกสารของคณะรัฐมนตรี งานพิพิธภัณฑ์ งานห้องสมุด คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา และงานศึกษาค้นคว้าวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับคณะรัฐมนตรี

(8) ปฏิบัติราชการทั่วไปของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งมิได้กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการใดในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะ

(9) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

อ่านรายละเอียด คลิกที่นี่

ในฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 8 ปีย้อนหลัง (ระหว่างปีงบประมาณ 2558-2565) พบว่า สลค.ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างน้อย 3,013 สัญญา (เท่าที่ตรวจสอบพบ) รวมวงเงิน 4,563.03 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการประกวดจ้างสร้าง หรือซ่อมแซมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้

• ปีงบประมาณ 2565 ดำเนินการจัดจ้าง 313 โครงการ รวมวงเงิน 388.49 ล้านบาท (ข้อมูลถึงวันที่ 16 ก.ค. 2565)

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยวิธีคัดเลือก กรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 196.67 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2564 ดำเนินการจัดจ้าง 461 โครงการ รวมวงเงิน 564.27 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น การจ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยวิธีคัดเลือก องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นผู้ชนะ วงเงิน 109 ล้านบาท และจ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยวิธีคัดเลือก มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 102.43 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2563 ดำเนินการจัดจ้าง 475 โครงการ รวมวงเงิน 641.65 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยวิธีคัดเลือก มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 218.42 ล้านบาท และจ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยวิธีคัดเลือก มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นผู้ชนะ วงเงิน 131.35 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2562 ดำเนินการจัดจ้าง 448 โครงการ รวมวงเงิน 698.26 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๒ โดยวิธีคัดเลือก มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 279.50 ล้านบาท และจ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยวิธีคัดเลือก มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นผู้ชนะ วงเงิน 111.43 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2561 ดำเนินการจัดจ้าง 326 โครงการ รวมวงเงิน 209.87 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพิ่มเติม มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นผู้ชนะ วงเงิน 45.33 ล้านบาท และประกวดราคาจ้างพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศสำหรับการสืบค้นฐานข้อมูลสำคัญของ สลค. ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มีบริษัท เอ็มเอฟอีซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะ วงเงิน 37.23 ล้านบาท

• ปีงบประมาณ 2560 ดำเนินการจัดจ้าง 287 โครงการ รวมวงเงิน 783.07 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยวิธีกรณีพิเศษ มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 269.46 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2559 ดำเนินการจัดจ้าง 191 โครงการ รวมวงเงิน 505.68 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (สัญญาเลขที่ 28/2559) โดยวิธีกรณีพิเศษ มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ วงเงิน 377 ล้านบาท เป็นต้น

• ปีงบประมาณ 2558 ดำเนินการจัดจ้าง 512 โครงการ รวมวงเงิน 771.74 ล้านบาท

โดยงบประมาณที่ถูกใช้ไปส่วนใหญ่ เช่น จ้างค่าสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 โดยวิธีกรณีพิเศษ มีกรมธนารักษ์ เป็นผู้ชนะ 349.74 ล้านบาท เป็นต้น