"พรรคเล็ก" เล่นใหญ่ ครั้งสุดท้ายซักฟอก ไฟต์บังคับ "ส.ส.แปรพักตร์" ทิ้งทวน
มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นปรากฎการณ์“ส.ส.เพื่อไทย”บางส่วนแปรพักตร์ เมื่อเป็นไฟต์บังคับให้พิสูจน์ว่า จะมา “ภูมิใจไทย” แน่ จึงต้องออกอาวุธให้เห็น ด้วยการโหวตไว้วางใจ รมต.บางคน หรืองดออกเสียงให้บางคน และคงไม่มีใครเริงร่าเท่ากับก๊วนพรรคเล็กอีกแล้ว ที่รับดีลทุกฝ่าย
การเมืองเรื่องกล้วยๆ ไม่ใช่เพราะง่ายดายหรือไร้อุปสรรค แต่กลับเป็นไปในอีกแนวทาง คือ มีปัจจัยและเงื่อนไขให้ต่อรองผลประโยชน์กันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู โดยเฉพาะเมื่อฤดูกาลซักฟอก หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มาถึง
บรรดาพรรคเล็กที่รวมตัวเฉพาะกิจในทางการเมือง ถูกพูดถึงตลอดในช่วงเวลาเช่นนี้ แม้จำนวนเสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาล จะพ้นภาวะปริ่มน้ำ หายใจหายคอได้โล่งกว่าในช่วงปีแรกๆ ก็ตาม
ส.ส.พรรคเล็ก ก็ยังมีบทบาทต่อรอง จนแกนนำรัฐบาล อย่าง สุชาติ ชมกลิ่น
รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ยังต้องเทคแคร์ คอยเอาใจใส่ ไปพบปะพูดคุยกันเสมอ หมายจะดึงทุกเสียงของพรรคเล็กมาโหวตให้รัฐบาล
แต่เอาเข้าจริง การโหวตของพรรคเล็กหลายครั้ง ก็ไปกันคนละทิศคนละทาง ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย และเรื่องตัวบุคคล ซึ่งผู้ที่มีส่วนได้เสีย มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงคะแนน
รวมถึงการอภิปรายฯ ในครั้งนี้ ที่ต้องจับตา ส.ส.กลุ่ม 16 บางส่วน ที่เหนียวแน่นกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะตัดสินใจยกมือไปในทิศทางเดียวกันสักกี่เสียง
เพราะดูเหมือนตัวผู้กองเอง ที่ตั้งแท่นเตรียมคิดบัญชีกับโจทก์เก่าที่ถูกซักฟอกเที่ยวนี้ด้วยเหมือนกัน แถมเคยออกปากขู่รัฐมนตรีปากดีบางคนให้ระวังตัว
ก่อนถึงวันอภิปราย 19-23 ก.ค.2565 ก็ได้เห็นบทบาทของ ส.ส.เอ๋ หรือ พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำกลุ่ม 16 ผ่านสื่อมากขึ้น หลัง ร.อ.ธรรมนัส ประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล
ลำพัง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย 16 เสียง ไม่มีกำลังพอที่จะโหวตคว่ำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องวิ่งหากลุ่ม 16 พรรคเล็กมาเป็นแนวร่วม
พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม คู่หู พิเชษฐ์ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานกลุ่ม 16 จึงมีท่าทีแทงกั๊ก โดยอ้างว่า ต้องรอดูผลการเจรจากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่บ้านป่ารอยต่อฯ ในวันอาทิตย์ที่ 17 ก.ค.2565
แม้จะเป็นหัวหน้าพรรคเล็ก แต่ ส.ส.เอ๋ ก็มีลีลาใหญ่เกินตัว ดังคำพูดที่ว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องคิดและทำ เหมือน ร.อ.ธรรมนัส และก่อนหน้านี้ เจ้าตัวยังวิ่งรอกทั้งบ้านใหม่ชลบุรี และบ้านป่ารอยต่อฯ เพราะเป็นโอกาสเที่ยวสุดท้าย ก่อนยุบสภา
เอาเข้าจริง กลุ่ม 16 ไม่ได้มีขุมกำลัง 16+2 เสียงจริงตามราคาคุย เพราะ ร.อ.ธรรมนัส และแกนนำพรรคเล็กด้วยกันเอง ก็ยอมรับว่า มีอยู่ 4-5 เสียง ที่เห็นหน้าเห็นตากัน ก็จะมี พิเชษฐ สถิรชวาล คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และดำรงค์ พิเดช พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พร้อม ส.ส.ร่วมพรรคอีก 1 คน
กลุ่ม 16 ที่ออกอาการเสียงแตก จะโหวตให้คนนั้น แต่ไม่โหวตให้คนนี้ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐมนตรีที่มีชื่อในบัญชีดำ เล่นบทเฉย ไม่ยอมยื่นไมตรีหรือไม่
แต่ถ้าดูในภาพรวม เสียงฝ่ายรัฐบาล ถึงอย่างไรก็น่าจะแตะ 250 อัพ เพราะเมื่อลองหักกลบลบหนี้กันแล้ว ตัดบางส่วนของกลุ่ม 16 และ บางส่วนของเศรษฐกิจไทย อย่างไรเสีย เสียงก็ยังผ่านอยู่ดี เนื่องจากสถานการณ์ภายในพรรคเศรษฐกิจไทย มีอย่างน้อย 3 ส.ส ที่ตอนนี้ มองหาลู่ทางเตรียมย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยค่อนข้างแน่แล้ว
รวมถึง ส.ส.เพื่อไทยเอง ที่ตอนนี้หลายพื้นที่แย่งกันลงเขต หลังเจอสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบหาร 500 เลยต้องเอาชัวร์ ลงเขตมีโอกาสได้มากกว่า โดยเฉพาะในอีสาน
ไม่เพียงแต่ ส.ส.เศรษฐกิจไทย ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะโหวตไว้วางใจ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เพราะมีดีลเรื่องอนาคตกันไว้
ทางฟากฝั่งของเพื่อไทย ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นปรากฎการณ์ ส.ส.บางส่วน แปรพักตร์ เพราะเป็นไฟต์บังคับ ให้ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะย้ายมาภูมิใจไทยแน่ จึงต้องออกอาวุธให้ผู้ใหญ่เห็น ด้วยการโหวตไว้วางใจรัฐมนตรีบางคน หรืองดออกเสียงให้รัฐมนตรีบางคน
เนื่องจากเป็นการอภิปรายฯ ครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ และเที่ยวสุดท้ายพรรคเล็ก ที่ชิงเล่นเกมคณิตศาสตร์การเมือง
เพราะเหลือเวลาอีกไม่นาน ก็จะยุบสภาแล้ว หลายคนเห็นโอกาสทิ้งทวน เลยเปิดรับดีลจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ เรียกว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเต็มๆ
ดังนั้น ไม่ว่าผลการลงมติในศึกซักฟอกเที่ยวส่งท้าย จะออกมาเป็นอย่างไร คงไม่มีใครเริงร่าเท่ากับก๊วนพรรคเล็กอีกแล้ว