"สุรทิน" เดา "ประวิตร" ขอพรรคเล็กหนุน "รัฐบาล"

"สุรทิน" เดา "ประวิตร" ขอพรรคเล็กหนุน "รัฐบาล"

"สุรทิน" เผยก่อนพบ "ประวิตร" เดาทางจะขอให้อยู่หนุนรัฐบาล-ฟังทิศทางลงมติไม่ไว้วางใจ แต่พรรคเล็กขอคุยนอกรอบ ตั้งเงื่อนไขต้องอยู่รอด

         นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนถึงเวลาที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้จัดการรัฐบาล นัดหารือกลุ่มหัวหน้าพรรคเล็กร่วมรัฐบาลในช่วงเวลา 17.00 น.​ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ว่า เบื้องต้นคาดว่าจะมีหัวหน้าพรรคเล็กร่วมรัฐบาล ที่มี 1 - 2 เสียง ทั้งหมดเข้าร่วมประชุม และมีประเด็นที่สอบถามถึงจุดยืนหลังจากที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงทิศทางในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการสนับสนุนรัฐบาล  เนื่องจากกรณีที่ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย 15- 16 เสียงถอนตัวทำให้เสียงของรัฐบาลลดลง และความชอบธรรมน้อยลงด้วย

 

         “ผมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตรฐานะผู้จัดการรัฐบาลจะขอให้พรรคเล็กช่วยดูแลนายกฯ เพราะเป็นปีสุดท้ายแล้ว  แต่พรรคเล็กจะคุยกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่คุยกับพล.อ.ประวิตรแล้วเสร็จเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 10- 20 นาที จากนั้นกลุ่มพรรคเล็กจะหารือกันต่อที่ร้านอาหารย่านถนนวิภาวดี โดยคำนึงการอยู่รอดของพรรค เนื่องจากเมื่อลงสนามเลือกตั้งแล้วทุกพรรคไม่มีการลดลาวาศอกในการแข่งขัน” นายสุรทิน กล่าว

         นายสุรทิน กล่าวด้วยว่าสำหรับทิศทางของพรรคประชาธิปไตยใหม่ ตนเชื่อว่าจะถูกถามถึงจุดยืนต่อการร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน เบื้องต้นผลการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตรและวงหารือพรรคเล็ก ตนจะนำไปประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 18 กรกฏาคม เวลา 10.00 น. เพราะการดำเนินการอย่างไรนั้นต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายพรรคการเมืองและขอมติกรรมกรบริหารพรรค

 

         เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนการสนับสนุนรัฐบาลผ่านการลงมติไว้วางใจ นายสุรทิน กล่าวว่าตนมองว่าพรรคเล็กควรจับมือกันไว้ เพราะรัฐบาลอาจจะอยู่ยาวไปจนถึง มีนาคม 2566  ส่วนการลงมตินั้นต้องหารือกัน โดยตนมีข้อสังเกตว่ารัฐมนตรีบางคนไม่รู้จักพรรคเล็กเลย ดังนั้นต้องหารือกัน และมองว่าเป็นผลดีของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องคุยกับทุกเสียง

 

 

         เมื่อถามว่าการหารือดังกล่าวร.อ.ธรรมนัส แจ้งว่าจะมาร่วมด้วยหรือไม่ นายสุรทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบหากจะมาคงมายามวิกาล.