เปิดฉากศึกซักฟอก! "ชลน่าน" อัดรัฐบาล608 บริหารพังพินาศ-อัปยศส.ส.หาร500

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่วางวางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงคณะรัฐมนตรีรวม11  คนได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา09.41น.

โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวเปิดการอภิปรายเน้นย้ำความผิดพลาดล้มเหลว ตามข้อกล่าวหาที่ได้ยื่นไปก่อนหน้านี้

โดยเฉพาะในส่วนของนายกรัฐมนตรี ที่บริหารราชการ ผิดพลาดล้มเหลว  ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสํานึกรับผิดชอบ ขาดภาวะความเป็นผู้นําที่จะ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นําที่พิการทางความคิด ยึดติดแต่อํานาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทําให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรง ทุกด้าน 

อีกทั้งยังหล่อยปะละเว้นเพิกเฉยต่อการทุจริตในภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง 

ผู้นำฝ่ายค้านยังกล่าววว่า ตลอด8ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ มีการบริหารราชการที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

 มีการใช้กลไกเพื่อสืบทอดอำนาจเพียงเพื่อล้มล้างและศัตรูหรือคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนแต่เพียงเท่านั้น แต่การที่พล.อ.ประยุทธ์ ปรับลุค ไปออกรายการระบุถึง3แกนหลัก ที่จะเดินหน้าได้หากได้อยู่ต่อ2ปี ถือว่า เป็นการประจานตัวท่านเองต่อหน้าพี่น้องประชาชน

เพราะ8ปีที่ผ่านมาถ้าพล.อ.ประยุทธ์มีวุฒิภาวะอย่างแท้จริง ต้องออกมายอมรับว่าความผิดพลาด ล้มเหลวที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวท่านเพียงคนเดียว ถ้าสำนึกรู้ดีรู้ชั่วเห็นแก่บ้านเมือง เชื่อว่า บ้านเมืองจะกลับสู่สภาวะปกติ

 

อีกทั้งมองว่า ถ้าพรรครวมรัฐบาลยังเป็นนั่งร้าน และยังไม่ลงคะแนนไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ มันถึงเวลาที่เราพรรคฝ่ายค้านจะต้องเด็ดหัวสอยนั่งร้านเพื่อไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป ใน4วันหลังจากนี้เราจะทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนอย่างคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนลงมติไม่ไว้วางใจร่วมกัน

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไร้ความชอบธรรมตั้งแต่เข้าสู่อำนาจ  ซ้ำยังใช้อำนาจที่ขาดความชอบธรรมการบริหารประเทศ ถ้าเป็นแบรนด์สินค้าก็ไม่ใช่แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ

"ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารหารายได้เข้าประเทศได้ แต่กลับตั้งตนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจมีวิสัยทัศน์ในลักษณะเสพติดอำนาจ เพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามหลักนิติรัฐนิติธรรม"

จากที่ตนลงพื้นที่มีชาวบ้านมาบอกตนว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล608 อมโรคป่วย แล้วเราจะปล่อยให้รัฐบาลเช่นนี้เข้ามาบริหารประเทศหรือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจพังพินาศ มีการก่อหนี้ที่เกือบชนเพดานแทบทุกปี ทำให้สถานะการคลังเข้าขั้นวิกฤติ ความสามารถการแข่งขั้นลดลง สมรรถนะด้านเศรษฐกิจลดลง13 ลำดับ ขณะที่ประสิทธิภาพภาครัฐลดลง11ลำดับ

ขณะที่การจัดสรงงบประมาณในปี2566 ซึ่งเป็นช่วงที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง มีการจัดงบประมาณที่กระจุกตัว ลงไปในพื้นที่รัฐมนตรีบางคนอย่างเห็นได้ชัด  อีกทั้งการบริหารราชการของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นยุคที่เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสังคมสภาวะทางสาธารณะสุขตกต่ำ สร้างกลไกการเมืองที่พังพินาศล้มเหลว อาทิ การสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ มีส.ว.250 คน มีพรรคการเมืองมากถึง19พรรคจนเกิดการสภาปนาสภากล้วยเป็นการสร้างระบบเพื่อทำลายระบบอบประชาธิปไตยอันมีพระมาหากษัตริย์เป็นประมุข จงใจทำลายระบบอบรัฐสภา ซึ่งขอยืนยันว่าเรื่องนี้ถึงศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน

“เรื่องที่อัปยศที่สุดคือการใช้สูตรหาร500หารคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อมีการสั่งการจากทำเนียบรับาลเรียกแกนนำพรรคไปสั่งการให้ก้าวล่วงนิติบัญญัติลงมติตามที่ตัวเองต้องการ อย่างไร้สำนึกทางการเมือง เป็นการจับหมูตัวเดียวแต่เผาบ้านตัวเองพังพินาศ เราสร้างแม่มันเป็นวัวแต่แอบไปผสมพันธุ์จนออกลูกมาเป็นควาย”

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวทิ้งท้ายว่า การบริหารงานพล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยครองงำชี้งำพรรคการเมืองที่ท่านชี้นำได้ถือเป็นการทำลายระบบรัฐสภาอย่างชัดเจน

ฉะนั้นเราต้องมาช่วยการสอยนั่งร้าน ผมหวังลึกๆว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่ต่างจากเสียงข้างมากที่ผ่านมา ที่มีการเรียกไปสั่งการว่า ต้องลงมติเท่ากันซึ่งเรื่องนี้ต้องถึงศาลอย่างแน่นอน ผมมั่นใจว่าการอภิปรายครั้งนี้แม้เสียงในสภาครั้งนี้จะไม่ชนะ แต่อำนาจอธิปไตยคืออำนาจประชาชน การอภิปรายครั้งนี้ไม่ตายในสภาก็ตายในสนามเลือกตั้งแน่นอน ฉะนั้นท่านอย่าอยู่เป็น608 เพื่อทำลายประเทศชาติอีกเลย