พท.ถล่ม"มหากาพย์อัครา" อัด"ประยุทธ์"ประเคนสมบัติชาติ ลั่นชงป.ป.ช.ฟัน
ซักฟอกถล่ม"มหากาพย์อัครา" - "จิราพร" ปูด"2ไอ้ไม่ง" ล้วงลูก อัด"ประยุทธ์"ประเคนสมบัติชาติ-ฮั้วเอกชนล้มคดี แลกล้างผิด ลั่นชงป.ป.ช.สอยพ้นบ้านหลวงแน่นอน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ "11รัฐมนตรี" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151
น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในประเด็นข้อพิพาทเหมืองทองอัคราว่า จนถึงขณะนี้อนุญาโตตุลาการเลื่อนการอ่านคำชี้ขาดไปอย่างไม่มีกำหนด แสดงให้เห็นว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่ยุติและมีแนวโน้มที่จะลุกลามบานปลาย ไปย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การอภิปรายวันนี้จะเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับประเทศและคนไทยทุกคนที่กลายเป็นจำเลยรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าวันนี้พล.อ.ประยุทธ์จะลุกขึ้นมาตอบโต้โดยอ้างว่าเป็นความผิดของรัฐบาลไทยรักไทย ตนขอเตือนว่า ไม่ต้องมาโยนความผิดหรืออ้างว่าเป็นการแก้ปัญหาให้รัฐบาลเดิมเหมือนคราวที่แล้ว เพราะการก่อตั้งบริษัทอัครารวมถึงการดำเนินการเหมืองทองได้เกิดก่อนรัฐบาลไทยรักไทย และไม่เคยมีรัฐบาลใดที่สร้างความเสียวหายเหมือนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ใช่เข้ามาแก้ปัญหา แต่เข้ามาเพื่อสร้างปัญหาให้กับประเทศ
ทั้งนี้จากเอกสารราชการที่ตนได้ไปสืบค้นเพิ่มเติมพบว่า ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่ให้ความเห็นคัดค้านการใช้คำสั่งคสช.ตามมาตรา44 และมีหลายครั้งที่มีหน่วยงานเสนอความเห็นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์รับฟังก็จะไม่เกิดความเสียหายเช่นนี้ ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นว่า ไทยมีโอกาสแพ้คดีเหมืองทองอัคราสูงแต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยรับฟัง กลับบอกว่าไทยไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องของบริษัทคิงส์เกตได้ จนมาสู้การฟ้องร้องในที่สุด
ทั้งนี้ปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคณะกรรมการข้อพิพาท ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ สุจริต รักษาผลประโยชน์ชาติ โดยปรากฏตัวละครลึกลับ2คนคนแรกเป็นบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีมีความรู้ด้านกฎหมายเป็นอย่างดี
คนที่สองเป็นอดีตรมว.อุตสาหกรรมที่ขณะนี้ย้ายไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ บุคคลเหล่านี้ไม่มีรายชื่ออยู่ในคณะกรรมการข้อพิพาท แต่กลับเป็น"ไอ้โม่ง"ที่รับคำสั่งโดยตรงจากพล.องประยุทธ์ ไปนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมเพื่อครอบงำ ชี้นำ สั่งการทำให้การทำงานของคณะกรรมการขาดอิสระในการดำเนินการเพื่อรักษาผลผระโยชน์ของประเทศ
“ยืนยันว่าหากเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาล ดิฉันมีพยานบุคคลที่พร้อมจะให้การต่อศาลซัดทอดไปยังไอ้โม่ง2คนนี้ ที่ทำให้คณะกรรมการระงับข้อพิพาทชุดนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศแต่รักษาผลประโยชน์ของพล.องประยุทธ์ จันทร์โอชา”
น.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า หลังจากที่กรณีพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ทั้งนี้ตนได้รับเอกสารลับจากแหล่งข่าวที่หวังดีกับประเทศ และทนไม่ไหวกับการดำเนินการของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนจะใช้เป็นเอกสารตั้งต้นในการดำเนินการเอาผิดของพล.อ.ประยุทธ์ เอกสารลับดังกล่าวเป็นเอกสารลับที่ร่างโดยสำนักงานอัยการสูงสุดความยาว5หน้ากระดาษ และมีการนำส่งไปยังพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาจากการถูกฟ้องร้อง โดยอัยการมีหน้าที่เป็นทนายแผ่นดิน
เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธรู้ดีว่าไทยเสี่ยงที่จะแพ้คดีและจะต้องชดใช้ค่าเสียงหายให้กับบ.คิงส์เกต เป็นจำนวนเงิน 720 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ3หมื่นล้านบาท ในเอกสารดังกล่าวอสส.จึงได้เสนอประเด็นสำคัญ อาทิ ให้ยกเลิกมาตรา44 และคืนสิทธิให้กับเหมือนทองอัคราพร้อมมีการชดเชย เป็นต้น ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เห็นหนังสือฉบับนี้หรือได้ฟังคำทัดทานหรือไม่
หากพล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และระงับยับยั้งความความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีก็จะสามารถบรรเทาผลกระทบที่จะลุกลามบานปลายในอนาคตได้ ผ่านไป4ปีกับ6เดือนวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีการยกเลิกมาตรา44 ตามข้อแนะนำ
น.ส.จิราพร ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมีความพยายามในการตักเตือนเรื่องนี้มากกว่า9ครั้ง แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความพยายามระงับยับยั้งผลกระทบแต่กลับมีความพยายามปกปิดความผิดในการเอาสมบัติชาติไปประเคนให้กับบริษัทเอกชนเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดจากคดี
ในทางการเมืองเพื่อรักษาอำนาจพล.อ.ประยุทธ์ต้องการให้การคำนวนส.ส.หาร500 แต่กรณีนี้หาร70ล้าน หมายความว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องหารคนไทยทุกคนเท่าๆกัน
วันนี้มีความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว1.ค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาทตั้งแต่ปี2560-2564 จำนวน731ล้านบาท2.ค่าภาคหลวงที่จัดเก็บไม่ได้ตั้งแต่ปี2560จนถึงปัจจุบัน3พันล้านบาท 3.ความเสียหายทางเศรษฐกิจ
และ4.ภาพลักาณ์ประเทศเสียหายส่งผลกระทบต่อการลงทุน เรื่องนี้มีนักกฎหมายที่ให้ความเห็นตรงกันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่แค่720ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ3หมื่นล้านบาท แต่อาจเฉียดสูงถึง1แสนบาท ยังไม่รวมกับในส่วนที่คิงส์เกตทำไว้กับบริษัทประกันที่จะสามารถมาไล่บี้ค่าเสียหายจากไทย
“สภาพวันนี้ไทยมีหนี้สาธารณะทะลุ10ล้านล้านบาทถ้าเอาหนี้ที่ซุกไว้ รวมถึงการกู้ขาดดุลงบประมาณปี2566ถ้าเศรษฐกิจไม่โตตามที่รัฐบาลคาดการณ์หนี้สาธารณะก็ปริ่มจะทะลุเพดานที่รัฐบาลเพิ่งขายเป็น70%ของจีดีพี ถ้ามีภาระหนี้ที่อาจจะแพ้คดีเหมืองทองอัคราอีกก้อนสภาพประเทศกู้ทะลุเพดาน ค่าโง่ทะลุแผ่นดินแบบนี้พล.อ.ประยุทธ์จะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย”
น.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า หลังจากมีการสืบพยานพิจารณาคดีที่ประเทสสิงคโปร์ในเดือนก.พ.2563 กระทรวงอุตสาหกรรมมีหนังสือลับที่สุด ลงวันที่24มี.ค.2563 รายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาข้อพิพาทซึ่งที่ปรึกษากฎหมายตั้งข้อสังเกตในเรื่องการทำแบบจำลองค่าเสียหายไม่ว่าอัคราจะทำเหมืองต่อหรือไม่
ภายหลังที่มีการฟ้องร้องกลับพบว่า มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของคิงส์เกตทั้งที่ก่อนหน้านี้มีความพยายามในการเจรจากันแต่ถูกพล.อ.ประยุทธ์ปัดตก เช่นการต่อใบอนุญาตเหมืองทองชาตรี รวมถึงใบอนุญาต เข้าพื้นที่ที่ไม่พร้อมใช้งาน
ปรากฏว่า วันที่3พ.ย.2563 อัคราได้รับอาชญาบัตรพิเศษสำรวจเหมืองแร่44แปลงจำนวน397,226ไร่ จากเดิมที่ได้รับเพียง3,000ไร่
จากนั้นทนายชองบริษัทคิงส์เกตได้มีหนังสือถึงอนุญาโตตุลาการระบุเนื้อหาได้ขอถอนค่าเคลมค่าเสียหายจากไทย แต่ยังไม่ยกเลิกค่าเสียหายตามคำสั่งฟ้องทั้งหมด เพราะยังเหลืออีก4แปลงที่ยังไม่ได้รับอนุมัติประทานบัตร
ล่าสุดรัฐบาลได้อนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่4แปลงที่เหลือไปเมื่อวันที่19ม.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเปิดทางให้อัครากลับมาเปิดเหมืองแร่ชาตรีได้อีกครั้ง โดยจะมีการเปิดได้ภายในปีนี้โดยมีค่าใช่จ่ายราว500ล้านบาทซึ่งกู้จากธนาคารแห่งหนึ่ง
เป็นที่น่าสนใจว่า รัฐบาลมีส่วนในการเปิดทางให้บ.คิงส์เกตเข้ากู้เงินจำนวนดังกล่าว และจะกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายของไทยหรือไม่
“ที่ผ่านมาพล.องประยุทธ์ มองคิงส์เกตเป็นเหมือง แต่คิงส์เกตมองพล.อ.ประยุทธ์เป็นหมู เพราะคิงส์เกตกำลังไล่ต้อนพล.อ.ประยุทธ์จะต่อรองอะไรก็ได้ทั้งหมด ไม่แปลกเพราะเวลาลงพื้นที่ประชาชนมองพล.อ.ประยุทธ์ยิ่งกว่าคิงส์เกตมอง แต่พล.อ.ประยุทธ์จะทำให้คิงส์เกตมองคนไทยเป็นลูกไก่ในกำมือไม่ได้”
น.ส.จิราพร กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเอาทรัพย์สมบัติประเทศไปประเคนให้เป็นไปเพื่อที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องรับผิดใช่หรือไม่การระทำเช่นนี้เป็นการดำเนินการเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญประเด็นว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ และมาตรฐานทางจริยธรรม
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจรจากับคิงส์เกตเกินกว่าข้อพิพาททำให้ไทยได้รับความเสียหาย อาจเข้าข่ายกระทำความผิดสนธิสัญญาคอรัปชั่นที่ไทยทำไว้กับประเทศออสเตรเลีย
วันนี้พยายามเคลียร์ให้ไทยล้มคดีในส่วนของกรมสวบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ถือเป็นการย้อนเกล็ดของบริษัทคิงส์เกตต่อไทย หากพล.อ.ประยุทธ์ยอมทำตามข้อเสนอจะถือเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศ
จากเอกสารหลักฐานที่ตนนำมาแสดงทำให้เห็นว่า ไทยแพ้คดีรอย่างแน่นอน จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นขอถามว่าพล.องประยุทธ์จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร
“ด้วยพยานหลักฐานที่มี เชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนการใช้มาตรา44ของพล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่าจากพยานหลักฐานที่จะมีการยื่นป.ป.ช.หลังจากนี้เพื่อฟ้องเอาผิดจะทำให้พล.องประยุทธ์ออกจากบ้านพักหลวงในค่ายทหาร ไปอยู่บ้านหลวงหลังใหม่ ไฟฟรี น้ำฟรี ข้าวฟรี ที่เรียกว่าเรือนจำได้”
ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ให้บริหารราชการต่อไปได้