คมนาคม ผนึกกำลังอำนวยความสะดวกปชช.เดินทางช่วง "วันหยุดยาว" 28-31 ก.ค.65
โฆษกรัฐบาลเผย หน่วยงานกระทรวงคมนาคม ผนึกกำลังอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางช่วง "วันหยุดยาว" 28-31 ก.ค.65 “นายกฯ” กำชับบูรณาการร่วมกันให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 29 ก.ค. 65 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ส่งผลให้ช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มี "วันหยุดยาว" ต่อเนื่อง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 – 31 ก.ค. 65 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่าปกติ
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงคมนาคม ได้จัดแผนรองรับการเดินทางของประชาชนอย่างครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านการเดินทางและการควบคุมโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 65-1 ส.ค. 65 เพื่ออำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการทุกคน โดยบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) จัดรถโดยสาร บขส. รถร่วม รถตู้ กว่า 2,900 เที่ยว รองรับผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่เดินทางสายยาววานนี้ (27 ก.ค.) ได้กว่า 30,000 คน
โดยในวันนี้ (28 ก.ค. 65) คาดว่าจะเป็นการเดินทางในสายสั้นที่มีระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร บขส. ได้เตรียมรถโดยสารกว่า 2,600 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 25,000 คน ส่วนในเที่ยวกลับ คาดการณ์ว่าประชาชนจะเดินทางหนาแน่นวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. 65 ซึ่ง บขส. ได้จัดรถโดยสาร บขส. รถร่วม รถตู้ กว่า 2,900 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้กว่า 30,000 คน ทั้งนี้ บขส. ยังคงตรึงราคาค่าโดยสารในอัตราเดิมทุกเส้นทาง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชนไปจนถึง 30 ก.ย. 65
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ด้านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถออกวิ่งในเส้นทางปกติเฉลี่ยวันละ 2,739 คัน จำนวน 17,301 เที่ยว จัดเดินรถ AIRPORT BUS เชื่อมต่อท่าอากาศยาน สาย A1 A2 A3 A4 และ S1 จำนวน 5 เส้นทาง รวม 46 คัน จัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งกรุงเทพ จตุจักร/เอกมัย/สายใต้ใหม่ สถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีกลางบางซื่อ รวม 34 เส้นทาง
โดยมีมาตรการความปลอดภัย กำกับดูแลพนักงานขับรถโดยสารให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ความดันโลหิต และอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้งก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร
พร้อมทั้งกำชับพนักงานฯ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ การทำความสะอาดผ้าม่าน ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถโดยสาร และกล่าวเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส พร้อมทั้งติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือบริเวณประตูทางขึ้น
นายธนกรกล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนใน "วันหยุดยาว" กรมทางหลวงเปิดให้บริการทางหลวงระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) ช่วงสีคิ้ว-ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กม. โดยให้บริการฟรี ขาออกวันที่ 28-29 ก.ค. 65 และขาเข้าวันที่ 30-31 ก.ค. 65 นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เปิดให้ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ จอดรถฟรี ณ ลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน C ซึ่งสามารถจอดรถยนต์ได้จำนวน 718 คัน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.-1 ส.ค. 65 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 27 ก.ค. ถึงเวลา 24.00 น. ของที่ 1 ส.ค. 65 รวม 6 วัน
โดย ทสภ. ได้จัดรถ Shuttle Bus สาย A วิ่งให้บริการรับ-ส่งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารระหว่างลานจอดรถระยะยาวโซน C และอาคารผู้โดยสารทุก ๆ 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ทสภ. แจ้งขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง และเที่ยวบินภายในประเทศควรเผื่อเวลาก่อนเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงด้วย
“นายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม บูรณาการร่วมกันให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และห่างไกลโควิด-19 ขอให้จัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เน้นการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนใช้ทางเลี่ยงเพื่อกระจายปริมาณจราจรจากเส้นทางหลัก ในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างต้องติดตั้งป้ายเตือนการก่อสร้างและเส้นทางเลี่ยง พร้อมทั้งให้เข้มงวดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาการเดินทาง
รวมทั้งเน้นให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ต้องดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยถือปฏิบัติตามข้อกำหนด พ.ร.ก ฉุกเฉิน และคำสั่ง ศบค. ย้ำให้ตรวจสอบกำกับดูแลการให้บริการขนส่งสาธารณะตามแนวทางที่กำหนด จัดจุดตรวจคัดกรอง จัดให้มีการเว้นระยะห่าง การปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนมีความปลอดภัยมากที่สุด” นายธนกรกล่าว
