“ปากท้อง” กับ “การเลือกตั้ง” บทเรียนจาก “โจ ไบเดน”

เรียกได้ว่าพักหลังต้องลุ้นกันทุกรอบกับการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของ "ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)" ไม่ใช่ลุ้นว่าจะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะขึ้นแน่นอน แต่ลุ้นว่าจะขึ้นเท่าใด 0.5% นี่เล็กน้อย เดี๋ยวนี้ต้องพูดกันที่ 0.75-1% 

ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐ เอฟโอเอ็มซีมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 2.25-2.50% เป้าหมายเพื่อต่อสู้เงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่อง หลังเสร็จสิ้นการประชุม “เจอโรม พาวเวล” ประธานเฟดแถลง เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงเวลาที่เฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

“ผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะนี้ เหตุผลก็คือว่า มีหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งมากเกินไป ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน คงไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลที่จะประเมินว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในเมื่อตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก” นี่คือคำพูดของพาวเวล ฟังดูคุ้นๆ 

เมื่อวันจันทร์ (25 ก.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ก็เคยพูดแบบนี้มาแล้วว่าในทัศนะของเขานั้นเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยอ้างถึงตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนไม่ให้ความสำคัญกับความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะเรื่องเศรษฐกิจถดถอย มองว่าความตกต่ำในประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกอย่างสหรัฐไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากตลาดแรงงานตึงตัวมากหนึ่งวันถัดจากการประชุมเอฟโอเอ็มซี สหรัฐมีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด 

สัปดาห์ที่ผ่านมาไบเดนพยายามสร้างความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่ตกต่ำ ที่ต้องยืนยันเพราะจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1 ติดลบมาแล้ว ถ้าไตรมาส 2 ติดลบอีกถือว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยในทางเทคนิค ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ย่อมมองได้ว่าพรรคเดโมแครตของไบเดน บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐเมื่อไม่กี่วันก่อน และว่าสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วก็ได้

ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาถือเป็นหายนะทางการเมืองของไบเดน เพราะเดือน พ.ย. สหรัฐจะมีการเลือกตั้งกลางเทอม ประชาชนคงไม่เลือกพรรคการเมืองที่บริหารประเทศผิดพลาดเข้าไปนั่งในสภา หลักฐานเบื้องต้นเห็นได้จากเรตติ้งไบเดนดิ่งหนักในช่วงไม่กี่เดือนหลัง เมื่อชาวอเมริกันต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีวิตท่ามกลางเงินเฟ้อสูง

ที่ยกตัวอย่างไปไกลถึงสหรัฐและสภาวะตกที่นั่งลำบากของประธานาธิบดีไบเดน แค่อยากเตือนว่าเมื่อรัฐบาลผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจมาแล้วก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ อย่าลืมว่าในไม่กี่เดือนข้างหน้าพวกท่านก็ต้องลงสู่สนามเลือกตั้ง การบริหารจัดการเศรษฐกิจคือโจทย์ใหญ่ซื้อใจประชาชน 

ได้ยินข่าวแว่วๆ พรรคโน้นพรรคนี้เตรียมกระสุนดินดำซื้อตัว ส.ส. ก็อย่าซื้อกันเพลินจนลืมเจ้าของอำนาจตัวจริง ช่วยหันกลับไปดูกันหน่อยว่าตอนนี้ประชาชนกินอิ่มกันหรือยัง แล้วรีบๆ ทำคะแนนกันไว้ เพราะประชาชนเขาก็เตรียมตอบโต้คนที่ทำให้เขาอดอยากปากแห้งแล้วเหมือนกัน พลาดพลั้งยังไงเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!