"โฆษก ทอ." แจงความจำเป็น ต้องได้งบฯ66 ซื้อ F-35A เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรบ
"ทอ." เปิดเอกสารแจงเหตุจำเป็นต้องจัดซื้อ F-35 A เพื่อยกระดับกองทัพอากาศ ปฏิบัติภารกิจ-ปกป้องอธิปไตย และรับมือภัยคุกคาม หากถูกหั่นงบจะกระทบแผนจัดซื้อ ย้ำยื่นของบโดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ
พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงต่อกรณีที่อาจจะมีผลกระทบหากโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน หรือ F-35A ถูกกรรมาธิการ (กมธ.)พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 สภาผู้แทนราษฎร ตัดงบประมาณ ว่า ปัจจุบันกองทัพอากาศมีเครื่องบินขับไล่โจมตี จํานวน 5 ฝูงบิน ซึ่งกองทัพอากาศ ได้ดําเนินการปรับปรุง ขีดความสามารถของอากาศยานที่มีอยู่ เพื่อให้สามารถดํารงขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจเอาไว้ แต่ เนื่องจากข้อจํากัดด้านอายุของอากาศยานมีผลต่อขีดความสามารถของอากาศยานที่ลดลง ข้อจํากัดการส่งกําลัง และซ่อมบํารุงที่มีราคาสูงขึ้น รวมทั้งมีระยะเวลาในการจัดหาพัสดุอะไหล่ที่ยาวนาน ส่งผลให้กองทัพอากาศมีความ จําเป็นที่จะต้องทยอยปลดประจําการอากาศยานประเภทเครื่องบินขับไล่โจมตีจาก 5 ฝูงบิน จนเหลือ 2 ฝูงบิน ในปี พ.ศ.2575 โดยกองทัพอากาศได้วางแผนดําเนินการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี จํานวน 1 ฝูงบิน เพื่อมาทดแทน 3 ฝูงบินที่ได้วางแผนทยอยปลดประจําการ เพื่อให้สามารถดํารงขีดความสามารถในการปฏิบัติการบินรบในอากาศ และการโจมตีทางอากาศต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 40 ปี
"สถานการณ์ปัจจุบันมีการขยายอิทธิพลจากชาติมหาอํานาจสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น รวมถึงปัญหาการเมือง และความมั่นคงภายในแต่ละประเทศ ทําให้หลายประเทศในภูมิภาคมีการสะสมกําลัง ทางทหาร โดยเฉพาะทางอากาศที่มีขีดความสามารถสูงในการปฏิบัติการทางทหาร อาทิ เมียนมา, มาเลเซีย และเวียดนาม โดยมีการจัดหาเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง เช่น เครื่องบินแบบ Su-27 และ Su-30 ซึ่งอันดับของกําลังทางอากาศของไทยในปัจจุบับอยู่ในอันดับที่ 5 ในอาเซียน กองทัพอากาศจึงจําเป็นต้อง จัดเตรียมกําลังให้มีขีดความสามารถและศักย์กําลังรบทัดเทียมกับประเทศรอบบ้าน เพื่อเป็นการป้องปรามและ เตรียมพร้อมรับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนสมรรถนะสูงยุคที่ 5 คือ เครื่องบิน F-35 ซึ่งราคาปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี ค.ศ.2019" พล.อ.ต.ประภาส ชี้แจง
พล.อ.ต.ประภาส กล่าวด้วยว่า โดยคาดการณ์ราคา Lot 14 อยู่ที่เครื่องละ 77.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 12.8 % เมื่อเทียบกับ Lot 11 และมีส่งมอบ เครื่องบิน F-35 แล้ว มากกว่า 820 เครื่อง ทําการบินไป กว่า 540,000 ชั่วโมงบิน จํานวน นักบินที่ได้รับการฝึกตาม โครงการแล้วมากกว่า1,695 คน และ จนท.กว่า 12,520 คน ปฏิบัติภารกิจแล้วใน 8 หน่วยงาน ประกาศความพร้อมปฏิบัติการแล้ว 12 หน่วยงาน จากประเทศที่มีประจําการใช้งาน ณ ปัจจุบันทั้งหมดจํานวน 9 ประเทศ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงในการปฏิบัติการ ในปัจจุบันยังลดลงถึง 50% นับจากปี ค.ศ.2015
"สภาวการณ์ปัจจุบัน อากาศยาน บ.ขับไล่โจมตีของกองทัพอากาศอายุการใช้งานมาในห้วงระยะเวลา 20- 40 ปี ซึ่งอยู่ในระยะ Aging Phase ขณะที่พัสดุได้ปิดสายการผลิต และในบางรายการไม่สามารถจัดหาได้ เป็นปัจจัยให้ห้วงเวลาจัดหาพัสดุอะไหล่ทดแทน ในส่วนของพัสดุอะไหล่ในส่วนต่าง ๆ ของอากาศยาน แม้ว่าการดํารงสภาพอากาศยานที่มีการใช้งานอยู่ ทําให้กองทัพอากาศประหยัดงบประมาณได้บางส่วน แต่หากพิจารณาตามข้อเท็จจริง การดํารงสภาพอากาศยาน ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีผลกระทบ ด้านความปลอดภัย งบประมาณซ่อมบํารุงที่สูงขึ้น ความพร้อมรบของอากาศยานที่ลดต่ำลง นอกจากนั้น เครื่องบินขับไล่โจมตียุคที่ 5 สามารถปฏิบัติภารกิจทดแทนทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตียุคที่ 4.5 ได้ในอัตรา 1 ต่อ 3 และแทนเครื่องบินขับไล่โจมตียุคที่ 3-4 ได้ในอัตราส่วน 1 ต่อ 6" พล.อ.ต.ประภาส กล่วา
พล.อ.ต.ประภาส กล่าวด้วยว่ากองทัพอากาศมีแผนที่จะเสนอให้บริษัทผู้ผลิตประเมินขีดความสามารถของบริษัทอุตสาหกรรม ป้องกันประเทศของไทยที่มีศักยภาพเพื่อจ้างผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ภายในประเทศ (S-Curve 11) และการถ่ายทอด เทคโนโลยีให้กับเจ้าหน้าที่ในการซ่อมบํารุงเพื่อให้มีขีดความสามารถและองค์ความรู้ (S-Curve 12) เพื่อต่อยอดใน อนาคต
"กองทัพอากาศรับรู้และเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนในครั้งนี้ จึงมุ่งสู่การยกระดับกองทัพอากาศและประเทศไทย สู่การมีเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง โดยนําไปสู่ การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศซื่งเป็นส่วนสําคัญเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลักดันการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ มีโอกาสสร้างงานในลักษณะแรงงานฝีมือ ซึ่งมีค่าตอบแทนสูง โดยเครื่องบินแบบ F-35 A มีขีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ ทั้งระบบอาวุธ ที่มีประจําการ อยู่ในกองทัพอากาศ ได้แก่ GP Bomb Mk 80 Series, GBU-10 Series, GBU-12 Series และ AIM-120 Series นอกจากนี้เครื่องบินแบบ F-35 A ยังติดตั้งปืนใหญ่อากาศขนาด 25 มิลลิเมตร และสามารถ ติดตั้งใช้งานระบบอาวุธที่ทันสมัย มีความแม่นยําสูง ทั้งระบบอาวุธนําวิถีอากาศ-อากาศ, อากาศ-พื้น, อากาศ-ผิวน้ํา เช่น AIM-9X, JDAM, AGM-158 JASSM เป็นต้น ซึ่งกองทัพอากาศจะได้พิจารณาจัดหาเข้าประจําการตามกรอบงบประมาณ ที่เอื้ออํานวยต่อไป" พล.อ.ต.ประภาส กล่วา
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวอีกว่า จากข้อมูล Defense Security Cooperation Agency (DSCA) ซึ่งเสนอข้อมูลประเทศที่ร่วมผลิตและ สั่งซื้อเครื่องบิน F-35 มีประเทศที่ร่วมในการสั่งซื้อเครื่องบิน F-35 รวม 20 ประเทศ ยอดรวมการสั่งซื้อกว่า 3,400 เครื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเครื่องบินลดลง และค่าอะไหล่และการซ่อมบํารุงลดลง สําหรับการดําเนินการที่ผ่านมาของโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน กองทัพอากาศได้ส่งหนังสือ Letter of Request (Price and Availability : P&A) ให้กับ JUSTMAGTHAI เมื่อ 28 ธันวาคม 64 เพื่อให้เข้ากระบวนการ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการขออนุมัติจากหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยมีระยะเวลาการขอ P&A ทั้งสิ้นโดยประมาณ 12 เดือน คาดการณ์ว่าจะได้รับคําตอบภายในการขอ P&A ภายในเดือนมกราคม 66
"หากได้รับการอนุมัติการขาย พร้อมทั้งทราบระยะเวลาการจัดหา รวมถึงราคายุทโธปกรณ์ กองทัพอากาศจะสามารถดําเนินการในเรื่อง Letter Of Offer And Acceptance (LOA) กับทางการสหรัฐฯ แล้วเสร็จใน มิถุนายน66 ซึ่งจะส่งผลให้กองทัพอากาศจะสามารถ ลงนามในหนังสือ LOA และสามารถผูกพันงบประมาณได้เรียบร้อยในเดือนสิงหาคม66 ทั้งนี้กองทัพอากาศต้องการทราบงบประมาณที่จะได้รับในโครงการดังกล่าวก่อนที่จะตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อจะได้ทราบถึงจำนววนอากาศยาน และส่วนสนับสนุนอื่นๆ แต่หากกองทัพอากาศไม่ได้รับงบประมาณในปี 66 ไม่สามารถจัดทําหนังสือ LOA กับทางการสหรัฐฯ ได้" โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวต่อว่าหากกองทัพอากาศเสนอความต้องการเครื่องบิน F-35 ในปี 67 จะทําให้ต้องรอคิวการพิจารณาสายการผลิต และไม่สามารถเริ่มกระบวนการจัดหาได้ทันกับกลุ่มนาโต้ ซึ่งมีแผนจะสั่งจองการผลิต ในปี 65-66 หากกองทัพอากาศสั่งจองการผลิตล่าช้าจะต้องต่อคิวจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว และความพร้อมปฏิบัติการ ของเครื่องบินF-35 ครบฝูง จะเลื่อนออกไปเป็นปี 77 ซึ่ง ซึ่งช้ากว่าแผน 2 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยจะ ขาดขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ เนื่องจากการปลดประจําการเครื่องบินขับไล่โจมตีที่มีอายุการใช้งาน จํานวนมาก และเสียโอกาส ขาดความพร้อมในการรบ
โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวด้วยว่า กองทัพอากาศกําหนดความต้องการระยะ 10 ปี (พ.ศ.2563– 2573) ตามที่ระบุในสมุดปกขาว พ.ศ.๒๕๖๓ ปรับปรุงแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน โดยคณะกรรมการศึกษาและจัดทําความต้องการ เครื่องบินขับไล่โจมตีให้มีความเหมาะสมกับงบประมาณที่กองทัพอากาศได้รับ และคํานึงถึงขีดความสามารถ ในการปฏิบัติภารกิจให้ได้ในปี 75 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ระยะที่ 1 ผูกพันงบประมาณ 4 ปี (66 - 69) จํานวน 2 เครื่อง วงเงินงบประมาณ 7,382 ล้านบาท
- ระยะที่ 2 ผูกพันงบประมาณ 4 ปี (69- 71 ) จํานวน 4 เครื่อง วงเงินงบประมาณ14,628 ล้านบาทเศษ
- ระยะที่ 3 ผูกพันงบประมาณ 4 ปี (72- 75 ) จํานวน 6 เครื่อง วงเงินงบประมาณ21,924 ล้านบาทเศษ รวมเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น43,935 ล้านบาทเศษ