“ศบค.” จ่อให้ “โควิด” เป็นโรคเฝ้าระวัง 1ต.ค. โยน “มท.” พิจารณา เปิดผับถึง ตี4
“เลขาฯสมช.” เผย ถก “ศบค.” ชุดใหญ่ 19 ส.ค.นี้ จ่อ ให้ “โควิด” เป็นโรคเฝ้าระวัง ก่อนประกาศเป็น “โรคประจำถิ่น” จ่อ ให้ร้านขายยาตามร้านได้ แจง ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ โยน “มท.” พิจารณา เปิดผับถึง ตี4
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่าการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (19ส.ค.) จะมีการพิจารณาข้อเสนอของ กระทรวงสาธารณสุขที่จะกำหนดแนวทาง โควิด-19 เป็นโรคที่จะต้องเฝ้าระวัง 1 ต.ค.นี้ เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขสถานการณ์โควิดเป็นอำนาจของ ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อประกาศให้เป็นโรคเฝ้าระวังแล้ว จะมีการยุบ ศบค. หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ จะต้องประเมินว่าจำเป็นจะต้องใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ในส่วนข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลาตี 4 ขึ้นอยู่กับในส่วนของมหาดไทยจะไปพิจารณา ที่ผ่านมา ศบค. พิจารณา จนสุดทางแล้ว แต่ ศบค. จะให้ข้อกังวล หากเปิดแล้วจะมีผลกระทบกับกับประชาชนในการป้องกันโควิดหรือไม่
เมื่อถามว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิดคลี่คลายลงแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายฉุกเฉินหรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความจำเป็น เพราะจะต้องกำกับควบคุมคนเดินทางเข้าออกประเทศ และห้ามในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะก่อเกิดให้เกิดโรคระบาด ขณะเดียวกัน แม้ดูเหมือนตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่มาตรการในการรองรับทั้งการรักษาพยาบาล การกระจายยา การดูแลรักษาตนเองของผู้ป่วย ซึ่งประชาชนดำเนินการอยู่เป็นไปในทิศทางที่ดี
พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า การพิจารณาในที่ประชุม ศบค.พรุ่งนี้ จะเน้นไปที่แผนกระจายยา กระทรวงสาธารณสุขกระจายไปยังโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเวชกรรมแล้ว ต่อไปก็จะขยายไปยังร้านขายยาให้จำหน่ายยาได้ ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เตรียมแผนนำไปสู่การประกาศเป็นโรคเฝ้าระวัง และรองรับการประกาศเป็นโรคประจำถิ่น ที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดใหญ่ที่จะต้องบูรณาการ กับจังหวัดปริมณฑล นอกจากนี้ที่ประชุมยังจะพิจารณาถึงการเปิดด่านชายแดนหลังมีการผ่อนคลายเปิดไปแล้วหนึ่งเดือน รวมถึงรับทราบรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยว