"สมเจตน์" เผย3ประเด็น ตีความร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง

"สมเจตน์" เผย3ประเด็น ตีความร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง

"สมเจตน์" ย้ำ3ประเด็น ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง ทำลาย ความเป็นสถาบันการเมือง-เปิดช่องคนมีมลทินเข้าสู่การเมือง ชี้ยื่นตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจน

               พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ....  ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ตนและส.ว.จำนวนรวม 77 คนเป็นผู้ยื่นเรื่อง ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความได้แก่  

 

               1. กรณีที่ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง  แก้ไขเกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองที่เรียกเก็บจากสมาชิก โดยลดค่าบำรุงพรรครายปี จาก 200 บาท เป็น 20 บาท และแบบตลอดชีพ จาก 2,000 บาท เป็น 200 บาท ตนมองว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งออกแบบให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง และกำหนดให้เก็บค่าบำรุงพรรค นั้นเป็นความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมต่อพรรคการเมือง รวมไปถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมือง  ดังนั้นการลดอัตราค่าสมาชิกพรรคดังกล่าวอาจเปิดช่องให้เกิดโอกาสที่มีผู้ออกเงินแทนและทำให้เกิดการครอบงำได้

         พล.อ.สมเจตน์ กล่าวด้วยว่า 2.ประเด็นการลดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่เดิมกำหนดความเข้มข้นห้ามบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค แต่ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองได้แก้ไขให้บุคคลที่มีมลทินสามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ ถือว่าขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ป้องกันผู้ที่มีมลทินเข้าสู่การเมือง

 

         และ 3.การแก้ไขการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. (ไพรมารี่)  เดิมที่กำหนใด้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนไปเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตเลือกตั้ง  แต่ถูกแก้ไขให้กรรมการสรรหาของพรรคเป็นผู้เลือกตัวแทนไปดำเนินการ ขณะที่กระบวนการไพรมารี่ของผู้สมัคร ส.สบัญชีรายชื่อ เดิมกำหนดให้การเรียงลำดับ จะมาจากคะแนนผู้ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคด้วยคะแนนสูงสุด ลดหลั่นไป แต่ถูกแก้ไขให้กรรมการสรรหาจัดลำดับได้เองถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ

 

 

         “กรณีที่ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า การแก้ไขร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น ถูกต้องและทำได้ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว