เปิดเซฟ 2 ส.ส.ดังพ้นเก้าอี้ “วัฒนา” 7.6 ล้าน “วีระชัย” 890 ล้าน

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. 2 ราย ได้แก่ นายวัฒนา สิทธิวัง อดีต ส.ส.ลำปาง พรรคเศรษฐกิจไทย และนายวีระชัย วีระเมธีกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

• นายวัฒนา สิทธิวัง

แจ้งมีทรัพย์สิน 6,106,551 บาท ได้แก่ เงินฝาก 16,061 บาท เงินลงทุน 81,490 บาท ที่ดิน 7.6 แสนบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,450,000 บาท ยานพาหนะ 2,499,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 3 แสนบาท มีหนี้สิน 2,749,298 บาท

มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 1,362,720 บาท เป็นเงินเดือนทั้งหมด มีรายจ่ายรวม 5 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหมด

ส่วนนางอนงค์นิต สิทธิวัง คู่สมรส มีทรัพย์สิน 1,541,816 บาท ได้แก่ เงินฝาก 101,166 บาท เงินลงทุน 1,033,650 บาท เงินให้กู้ยืม 80,000 บาท ยานพาหนะ 327,000 บาท มีหนี้สิน 659,025 บาท

มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 303,976 บาท เป็นเงินเดือนทั้งหมด มีรายจ่ายรวม 2.5 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหมด

รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 7,648,367 บาท มีหนี้สิน 3,408,324 บาท

ก่อนหน้านี้ปี 2562 เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำปาง ปี 2563-2565 เป็น ส.ส.ลำปาง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อนถูกขับออกจากพรรคมาร่วมกับพรรคเศรษฐกิจไทย กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ส่วนนางอนงค์นิต คู่สมรส ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญ สำนักงานสาธารณสุข จ.ลำปาง

• นายวีระชัย วีระเมธีกุล

แจ้งสถานะว่า หย่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 890,588,553 บาท ได้แก่ เงินสด 1.5 ล้านบาท เงินฝาก 50,831,980 บาท เงินลงทุน 590,924,423 บาท ที่ดิน 194,766,560 บาท สิทธิและสัมปทาน 5 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 12,740,085 บาท ไม่มีหนี้สิน

มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 75,132,454 บาท เป็นเงินเดือน ส.ส. 1,362,720 บาท เงินได้จากการขายที่ดิน 40,728,233 บาท เงินปันผลผ่าน บล.เกียรตินาคินภัทร 19,513,961 บาท ผ่าน บลจ.ไทยพาณิชย์ 13,527,539 บาท มีรายจ่ายรวม 11,959,204 บาท

นายวีระชัย แจ้งถือครองหุ้นบริษัท เอ็ม.ไทย กรุ๊ป จำกัด จำนวน 2,370,145 หุ้น มูลค่า 237,014,500 บาท และบริษัท ศิริเมธีกุล จำกัด จำนวน 809,980 หุ้น มูลค่า 80,998,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นการถือกองทุนผ่าน บล.เกียรตินาคินภัทร 173,851,829 บาท และกองทุนส่วนบุคคลโดย บลจ.ไทยพาณิชย์ 87,109,102 บาท

นอกจากนี้ยังมีนาฬิกา 5 เรือน มูลค่า 12,740,085 บาท