ล่มสภาฯ ไม่เอา “นายกฯเถื่อน” โอกาส “บิ๊กป้อม” ประกาศบารมี

        วันที่ 24 สิงหาคม 2565 คือ เส้นที่ “พรรคฝ่ายค้าน” ขีดให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พ้นจากตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 264 กำหนดให้ "บุคคลที่เป็นนายกฯ จะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี มิได้”

 

        โดยฝ่ายค้าน ตั้งต้นนับปีแรก เมื่อ 24 สิงหาคม 2557 ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากมติเอกฉันท์ของ “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” (สนช.)

 

        แม้เรื่อง "วาระนายกฯ 8 ปี” ยังรอข้อยุติ จาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” ฐานะองค์กรที่มีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาด แต่การโหมกระแส “นายกฯเถื่อน” เพื่อไม่ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” หลงเหลือความชอบธรรมเป็นผู้นำประเทศ ถูกกระพือความรุนแรง

 

        ทั้งการปลุกม็อบ - มวลชนขับไล่ “ประยุทธ์” ทำกิจกรรม เคลื่อนไหว นอกสภาฯ และขยายผลกดดันไปยัง “พรรคร่วมรัฐบาล” เลิกเป็นนั่งร้านให้กับ “พล.อ.ประยุทธ์”

 

        สอดรับกับการเคลื่อนไหวในสภาฯ ซึ่งวันนี้ พรรคฝ่ายค้าน นำโดย “ชลน่าน ศรีแก้ว” ผู้นำฝ่ายค้านในสภา นัดแต่งชุดดำ เพื่อไว้อาลัย “นายกฯ” เถื่อน และอาจยกระดับความเข้มข้นถึงขั้น “บอยคอต” การทำงานร่วมกันกับ “พรรคร่วมรัฐบาล” ในสภาฯ เพราะสนับสนุน “นายกฯ” ที่ฝ่าฝืน และไม่เคารพบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

        กับประเด็นที่เป็นปัญหาจาก คุณสมบัติความเป็นนายกฯ ฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ส่อแววว่าจะทำให้การทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติมีปัญหาและความยุ่งยาก แบบเท่าทวีคูณ

 

        เพราะลำพังการทำงานในสภาฯ ที่ไม่มีปม 8 ปีนายกฯ วาระไหนที่เป็นงานสำคัญของ “รัฐบาล” ยังถูกฝ่ายค้านเล่นเกม "ล่มประชุม” จนสร้างสถิติประชุมล่ม เดือนสิงหาคมทะลุไปแล้ว 5 ครั้ง แบ่งเป็น ประชุมรัฐสภา 3 ครั้ง และ ประชุมสภา 2 ครั้ง

 

        จึงไม่แปลกที่ "วิปรัฐบาล” จะ กังวลว่า หากประชุมสภาฯ ล่มบ่อยครั้ง เพราะ ฝ่ายค้านเล่นเกม ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ยังคุมเสียงกันเองไม่ได้ อาจเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ การลดความชอบธรรมของสภาฯ และเชื่อมโยงเข้ากับความเคลื่อนไหวนอกสภาฯ เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลง สภา เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ที่เป็นที่พึ่งหวังของประชาชน

        ดังนั้นทางแก้ของเรื่องนี้ วิปรัฐบาล จึง สั่งให้ “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้ เช็คชื่อ ส.ส.ทุกคน ก่อนการประชุมและลงมติ อย่างน้อยเพื่อให้มั่นใจว่า องค์ประชุมจะครบ ไม่มีล่มซ้ำซากอีก

 

        เห็นได้ชัดจากการ ประชุมสภาฯ วาระร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เมื่อ 23 สิงหาคม ที่ ทุกพรรคร่วมรัฐบาล เช็คตัวเลข ส.ส.ก่อนประชุม และรวบรวมให้ “ผู้ควบคุมเสียง” ใช้ประเมินเกม

 

 

        ทว่า การแก้ปัญหาแบบนี้ ในส่วนของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ไม่มีปัญหา เพราะเข้าร่วมประชุมเป็นส่วนมาก ยกเว้น "พรรคพลังประชารัฐ” ที่ในสถิติ “ประชุมล่ม” พบว่า เป็นมีส.ส.หายหน้าไปเกินครึ่งพรรค

 

        ดังนั้น ในการประชุมพรรคพลังประชารัฐเมื่อช่วงเช้าก่อนประชุมร่างกฎหมายงบประมาณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค ต้องบุกสภาฯ นั่งบัญชาการ ส.ส.ให้เข้าประชุม

        พร้อมกับแสดงบารมี “หลวงพ่อป้อม” ยับยั้งประชุมล่ม และทำให้ร่างกฎหมายงบประมาณ ที่ถูกยื้อพิจารณามาถึงนัด 5 ผ่านวาระสามแบบไร้ปัญหา

 

        ภาวะที่ “ฝ่ายค้าน” เล่นเกมในสภาฯ เพื่อสะท้อนนัย ไม่เอา “ประยุทธ์” ได้สร้างโอกาสให้ “ประวิตร” ได้แสดงบารมี และสร้างชื่อว่าเป็น “ผู้ควบคุมเสียง” ตัวจริงทั้งในรัฐบาลและรัฐสภา.