เปิดสถิติคดี "ประยุทธ์" ถูกร้อง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ตลอดวาระนายกฯ 8 ปี
ย้อนรอยสถิติคดี "ประยุทธ์" ถูกยื่นร้อง "ศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัย ตลอดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีเต็ม
ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยื่นคำร้อง เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2565 จากกรณีที่171 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เข้าชื่อถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับ คดีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่คดีแรกที่มีการยื่นถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย แต่ก่อนหน้านี้มีการยื่นคำร้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยประเด็นต่างๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตั้งแต่ปี 2557
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" รวบรวมคำร้อง และผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีดังนี้
• คดีถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ
กรณีนายภานุพงศ์ ชูรักษ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ครบถ้วน ซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 อันเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นอันบังคับใช้ไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรคหนึ่งหรือไม่ และเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียนหรือไม่
11 ก.ย.2563 "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติเอกฉันท์ "ไม่รับคำร้อง" ดังกล่าวไว้พิจารณา เนื่องจากการถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำทางการเมือง ในฐานะองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์อันอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาล ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่อาจรับคำร้องไว้ได้ และการถวายสัตย์ดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด
• คดีคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี
จากกรณี ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 7 พรรค จำนวน 110 คน เข้าชื่อเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะการเป็นหัวหน้า คสช.ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ได้กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98 (15) ได้กำหนดลักษณะของคนที่ต้องห้ามสมัคร ส.ส.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
18 ก.ย.2562 "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีดังกล่าวว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 1 (4 ) ประกอบมาตรา 160(6) และมาตรา 98 (15)หรือไม่ โดย มีคำวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.ไม่เป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบมาตรา16(6) และมาตรา98 (15) เนื่องจากการดำรงตำแหน่งหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐและมีอำนาจหน้าที่เฉพาะชั่วคราว ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว
• คดีบ้านพักหลวง
กรณีการเข้าพักอาศัยในบ้านพักราชการทหารภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ของพล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังการเกษียณอายุราชการมากกว่า 6 ปี โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังพักอาศัยในบ้านพักทหารโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งที่ได้เกษียณและพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมาตั้งแต่ปี 2557 ถือว่าเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) ประกอบมาตรา 186 หรือไม่
2 ธ.ค.2563 "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำวินิจฉัยว่า เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติของกองทัพบก เนื่องจากบ้านพักทหารได้เปลี่ยนสถานะเป็นบ้านพักรับรอง ตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ.2548 ซึ่งกำหนดให้อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกมาแล้ว มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกโดยที่กองทัพบกสามารถพิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนค่าน้ำและค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัยตามความจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งมิใช่เพียงแต่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากแต่กองทัพบกได้ให้การสนับสนุนอดีตผู้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ด้วย
"ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้มีมติเอกฉันท์ว่าความป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ และ รมว.กลาโหม ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 4 วรรคหนึ่ง (3) และไม่ได้มีพฤติกรรมอันป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
• คดีขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
จากกรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และส.ส.พรรคเพื่อไทย รวม 72 คน ได้เข้ายื่นคำร้องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ ม.170 (5) ประกอบมาตรา184 (2) และมาตรา 186 หรือไม่
จากกรณีออกคำสั่งตามมาตรา 44 เมื่อเดือน เม.ย.2562 เพื่อขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับเอกชนออกเป็นเวลา 40 ปี ทั้งที่ขณะนั้นระยะเวลาสัมปทานคงเหลืออีก 10 ปี รวมถึงมีการประกาศใช้กฎหมายร่วมทุนในเดือนมีนาคม2562 แต่กลับไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้เกิดการผูกขาดโครงการและไม่ได้มีการแข่งขันของเอกชน
1 ก.ค.2564 "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้อ่านคำวินิจฉัยเห็นว่า บทบญญัติของรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) มีความมุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ให้กระทำการอันเป็นการต้องห้ามในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หากรัฐมนตรีผู้ใดกระทำการอันเป็นการต้องห้ามในขณะที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ ความเป็นรัฐมนตรีของผู้นั้นย่อมต้องสิ้นสุดลง ดังนั้นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวนั้น
จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นอยู่ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่า ในขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 82 แต่ผู้ถูกร้องได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญไปแล้ว นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญเข้ารับหน้าที่ ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ได้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่ง "ไม่รับคำร้อง" ไว้พิจารณาวินิจฉัย
• คดีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี
กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านรวม 171 คน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เป็นต้น ร่วมกันยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่
24 ส.ค.2565 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารทางการ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่ากรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (9) จึงมีมติเอกฉันท์ "รับคำร้อง" นี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสองนั้น ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสาร ประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย