กมธ.ไล่บี้ปมบรรจุ "ส.ต.ท.หญิง" เสนอกองทัพ-ตร.เลิกสอบสัมภาษณ์ สกัดเด็กฝาก

กมธ.ไล่บี้ปมบรรจุ "ส.ต.ท.หญิง" เสนอกองทัพ-ตร.เลิกสอบสัมภาษณ์ สกัดเด็กฝาก

"มงคงกิตติ์" เผยผลประชุมกมธ.ทหาร ไล่บี้ปมบรรจุ "ส.ต.ท.หญิง" เจ้ากรมฯตอบไม่ชัด ส.ท.หญิงลาออกเมื่อไหร่แน่ เหตุเงินเดือนเข้าบัญชีหลังวันยื่นลาออกต่ออีก 2 เดือน พร้อมเสนอกองทัพ-ตร.เลิกสอบสัมภาษณ์ เปลี่ยนสอบข้อเขียน สกัดเด็กฝาก

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการทหารฯ กรณีตรวจสอบประเด็นส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผู้บังคับหมู่กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำทารุณกรรมอดีตทหารหญิงว่า จากการชี้แจงของกอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มี 2 ประเด็นคือกรณีของส.ต.ท.หญิงกรศศิร์  และกรณีส.ท.หญิง ปัทมา ศิริรัตน์ อดีตทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งการบรรจุเข้ารับราชการตำรวจของส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เกิดขึ้นในปี 2560 คงต้องไปคำนวณกันเองว่าในปีนั้นใครเป็นผบ.ตร. โดยเท่าที่ทราบจะมีคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์

ดังนั้นกมธ.คงต้องขอเรียกขอดูเอกสารการสอบสัมภาษณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม และหลังจากบรรจุแล้ว เดือนก.พ. 2565 ได้ย้ายไปช่วยราชการที่กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าด้วยความสมัครใจ แต่ปรากฎว่าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข ทางหน่วยจึงได้เรียกเงินคืนสิทธิประโยชน์ ในส่วนของเบี้ยเสี่ยงภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประมาณ 1.1 แสนบาท

แสดงว่าเจ้าตัวไม่ได้มีการปฏิบัติหน้าที่จริง โดยต้นสังกัดคือตำรวจสันติบาลต้องมีหนังสือชี้แจงเรื่องการไปช่วยราชการ เพราะถือว่ามีการรับเงินเดือนซ้ำซ้อน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของส.ท.หญิง ปัทมา บรรจุเข้ารับราชการที่โรงเรียนฝีมือช่างทหาร เป็นพนักงานธุรการ จากนั้นในปี 62 คณะกรรมาธิการวุฒิสภาได้เรียกให้ไปช่วยราชการทันที โดยทำหนังสือ 2 ครั้ง ทั้งในปี 2562 และปี 2563 ระบุจนกว่าการช่วยราชการจะสิ้นสุด ซึ่งยังต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

โดยกรรมาธิการฯได้ขอหนังสือเพิ่มเติมไปว่าหนังสือดังกล่าวที่ขอช่วยราชการมีลักษณะเป็นแบบใด

จึงสอบถามไปยังกองบัญชาการกองทัพไทยว่าการบรรจุแต่งตั้งคัดเลือกส.ท.หญิง ปัทมาที่โรงเรียนช่างฝีมือทหารก็สามารถตรวจสอบได้ เพราะอยู่ภายใต้สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย โดยปี 2561 พล.อ.ธารไชยยันต์  ศรีสุวรรณ เป็นผบ.ทสส. โดยกรรมาธิการฯขอข้อมูลเพิ่มเติมว่าคณะกรรมการที่สอบสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีกี่คน และเปิดรับสมัครจำนวนเท่าใด มีเงื่อนไขใด

รวมทั้งข้อคิดเห็นเหตุผลว่าทำไมถึงรับส.ท.หญิง ปัทมา อีกทั้งต้องตรวจสอบว่าคณะกรรมาธิการวุฒิสภามีการออกเงินเดือนในระหว่างปฏิบัติช่วยราชการหรือไม่  เพราะปกติการขอตัวช่วยราชการทางต้นสังกัดต้องมีหนังสืออนุมัติ เพราะต้นสังกัดเดิมยังต้องจ่ายเงินเดือน จึงต้องดูการเกษียณหนังสือเป็นอย่างไร และกรรมาธิการฯได้ถามถึงสาเหตุที่ลาออกจากราชการ

โดยเจ้ากรมกำลังพล กองบัญชาการกองทัพไทยชี้แจงว่ามีการยื่นลาออกตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 65 และอนุมัติวันที่ 11 ส.ค. 2565 ตนจึงถามว่าเอกสารดังกล่าวมีการทำย้อนหลังหรือไม่  โดยทางกรรมาธิการได้ขอภาพวงจรปิดและขอตรวจสอบเอกสารลายเซ็นจริงว่ามีการเซ็นมาแล้วกี่วัน มีการเซ็นย้อนหลังหรือไม่ ซึ่งทางเจ้ากรมฯมีอาการอึกอักตอบไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และขอส่งข้อมูลให้กรรมาธิการในสัปดาห์ถัดไป

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ทางกรรมาธิการฯได้ให้ข้อเสนอแนะไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการที่จบปริญญาตรี หากเป็นไปได้ขอให้ยกเลิกการสอบสัมภาษณ์ทั้งหมด โดยขอให้เป็นการสอบข้อเขียนล้วนเหมือนการสอบเข้าชั้นมัธยมปีที่ 1 และมัธยมปีที่ 4  เพื่อไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติ เพราะการสอบคัดเลือก ปกติจะมีการสอบคุณวุฒิและการสอบสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนายทั้งหมด จึงเป็นการสกัดการคอร์รัปชั่นในการฝากได้ระดับหนึ่ง

นอกจากนี้กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้ข้อมูลว่าปัจจุบันมีอัตรากำลังจร ซึ่งเป็นการช่วยราชการจากส่วนต่างๆ 54,100 นาย โดยแยกเป็นทหาร 29,000 นาย ตำรวจ 15,000 นาย และพลเรือนประมาณ 9,000 นาย

โดยตนขอให้ตรวจสอบว่าอัตราดังกล่าวมีการปฏิบัติราชการจริงจำนวนเท่าใด และมีกี่เปอร์เซ็นที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้จริง เอาชื่อมาไว้เฉยๆเพื่อกินเงินเดือน โดยทางตัวแทนกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแจ้งว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบเพราะมีจำนวนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กรรมาธิการฯได้เสนอแนะข้อเสนอแก้ปัญหาระยะยาวคือการเปิดให้สอบข้อเขียน 100% แต่การสอบทุจริตต้องมีการสอบเพิ่มเติมทั้งการสอบบรรจุแต่งตั้งของทั้งคู่ โดยตรวจสอบจากคณะกรรมการลับที่สอบสัมภาษณ์และอดีตผบ.หน่วยต้นสังกัดของทั้งสองคนว่า ณ วันนั้นมีการโทรศัพท์มาฝากกันหรือไม่ หรือมีการเข้าไปโดยระเบียบปกติ

โดยเฉพาะอดีตผบ.ทสส.สมัยนั้น ได้รับโทรศัพท์จากใครหรือไม่ เพราะท่านก็เป็นสนช.ด้วย ซึ่งรายละเอียดบางอย่างตนไม่สามารถเปิดเผยตอนนี้ได้ เพราะต้องมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เนื่องจากเราได้ซักถามแบบตรงๆ หากให้สัมภาษณ์ออกไปอาจโดนข้อหาหมิ่นประมาทได้ เพราะในห้องกรรมาธิการมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่นอกห้องไม่มี

“ขณะนี้การชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องมีความขัดแย้งบางประเด็นเช่นเมื่อสมัครไปราชการแต่การตรวจสอบคุณสมบัติยังไม่เสร็จ กลับจ่ายเงินเดือนไปแล้ว โดยทางทหารมีอาการอึกอักมาก อีกทั้งใบลาออก็ยังงงว่าส.ท.หญิง ปัทมาได้รับเงินเดือนถึงเดือนส.ค. แต่บอกว่าลาออกตั้งแต่เดือนพ.ค. แล้วยังบอกว่าจะเรียกเงินเดือนคืนอีก 2 เดือน ผมจึงสงสัยว่าตกลงมันยังไงกันแน่ ตกลงน้ำหมึกมันแห้งหรือยัง อย่างไรก็ตามทางกรรมาธิการทหารฯได้ขอเอกสารเพิ่มเติมจากทางวุฒิสภา แต่เขาจะให้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง

เพราะคนละอำนาจกัน ก็แล้วแต่เขา หากเขามีสำนึกก็คงจะให้ ถ้าไม่มีลับลมคมในอะไร แต่ถ้ามีลับลมคมในก็อาจจะดึงเอกสารให้อาทิตย์ละใบ กลัวว่ากว่าจะได้เอกสารครบก็ยุบสภาฯพอดี ถือเป็นเทคนิคในการดึงหน่วย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะระบบราชการก็เป็นแบบนี้ ช่วยกันปกปิดความผิด ทำดีก็ช่วยกันโฆษณา ทำชั่วก็ช่วยกันปกปิด ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว