“ไทยสร้างไทย” มุ่ง สร้างประชาธิปไตยทางตรง ต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค
"ไทยสร้างไทย" เปิดแพลตฟอร์ม นวัตกรรมทางการเมือง "Citizen Force" เปลี่ยน เพื่อสร้างพลังการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนไทย ต่อยอดการทำนโยบายให้ตรงใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมต่อยอด 30 บาท รักษาทุกโรค ด้วย Digital Health
พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าวัตถุประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีของพรรคไทยสร้างไทยคือ การสร้างประชาธิปไตยโดยตรง(Direct democracy) เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจที่สำคัญทางการเมือง ที่ไม่ใช่แค่เพียงวันกาบาทเลือกตั้งเพียงวันเดียว แต่ในทุกกระบวนการทางกฎหมาย และการตัดสินใจของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบกับประชาชน ซึ่งหากพรรคไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล จะใช้เทคโนโลยี "Citizen Force" มาให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจทางการเมือง
นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย จะนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยน เพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนไทยเช่นในด้านสาธารณสุข พรรคจะมีการต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการ30 บาทสุขภาพดีถ้วนหน้า พรรคจึงสร้างระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Health” เพื่อดูแลเรื่องการสร้างสุขภาพ และการรักษา โดยประชาชนสามารถเลือกโรงพยาบาลได้เอง สามารถนัดหมาย และพูดคุยกับหมอได้โดยไม่ต้องรอคิวนาน รวมถึงสามารถรับยาได้โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาลเอง และที่สำคัญจะมีการเก็บข้อมูลทำระบบ Big Data เพื่อเตรียมพร้อมวางแผนการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในด้านการรักษาพยาบาล และบริหารจัดการคุณภาพในการป้องกันโรคจากระบบ Big Data เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยของประชาชนให้ “แข็งแรงก่อนป่วย รวยก่อนแก่” เป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพดี ซึ่งจะนำระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Health” มาต่อยอดในโครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาทด้วย
นอกจากนั้น พรรคไทยสร้างไทย จะนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยน ด้วยระบบ “ไทยสร้างไทย Digital Education” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยการนำครูผู้สอนที่เก่งๆ เช่นการค้าขายออนไลน์ตามกรุงเทพฯ ไปสู่ยอดดอย และตามพื้นที่ต่างๆของประเทศผ่านระบบ “ไทยสร้างไทยDigital Education” ซึ่งจะต่อยอดเป็น "Metaverse"ในอนาคต เพื่อทำให้เด็กนักเรียนสามารถสัมผัสประสบการณ์จริงกับครูผูเสอนที่มีความชำนาญในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ในคุณภาพเดียวกัน จากครูผู้สอนที่เด็กนักเรียนต้องการอยากเรียนด้วย
ขณะที่นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ หัวหน้าทีมดิจิทัล พรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ "ปลดล็อกประเทศไทยด้วยดิจิทัล" โดยกล่าวว่าการสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมสูง ที่จะทำให้ผลของการใช้สิทธิออกเสียงเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงกับพี่น้องประชาชน มีปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการ ประกอบด้วย
1.) การมีส่วนร่วมของประชาชนที่มากพอในแต่ละประเด็น
2.) การที่ประชาชนต้องรู้และเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ ที่ต้องใช้สิทธิออกเสียง
จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวแพล็ตฟอร์มเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รองรับ Active Citizen ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคไทยสร้างไทยเคยนำเสนอแนวคิดนี้ในช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เช่น การมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองและได้รับการตอบแทนเป็นBangkok Token ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ทางพรรคจึงต่อยอดไปในระดับประเทศโดยใช้แพล็ตฟอร์ม "Citizen Force" ที่จะดึงพี่น้องประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ตั้งแต่การแจ้งปัญหาความเดือดร้อน การเสนอแนวทางการแก้ไข การร่วมคิดนโยบาย การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของพรรค หรือกลุ่มต่างๆ ที่รวมตัวกันทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม จนไปถึงการเข้ามาอ่านข่าวสารความรู้และแบ่งปันข้อมูล ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนได้รับคะแนนการมีส่วนร่วม ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ในอนาคต สำหรับแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเปิดให้ใช้กับเว็บไซต์ของพรรค รวมถึงกลุ่มต่างๆ ที่ขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์ทางสังคม
“แม้วันนี้ตัวแทนของประชาชนในสภาส่วนใหญ่ จะยังไม่ได้ฟังเสียงประชาชน ดังที่เห็นได้จากการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจากเสียงประชาชนทุกสำนัก ที่ผลออกมาตรงกันข้ามกับผลโหวตในสภา แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากประชาชนเลือกตัวแทนที่ใกล้ชิดกับประชาชน พร้อมฟังและทำเพื่อประชาชนเข้าไปในสภากันล้นหลาม ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชนนี้จะมากขึ้นอีก” ดร. ธรรม์ธีร์ กล่าวเสริม
นายเจตุบัญชา อํารุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวสรุปว่าแนวคิดดังกล่าว เกิดจากการมองถึงหัวใจของปัญหาทางสังคม การแก้คอรัปชั่น การบริการพี่น้องประชาชน ความเท่าเทียมและความยุติธรรม การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ จะทำให้ประชาชนมีความสนใจทางการเมืองมากขึ้น และหากเราปลดล็อกเรื่องดังกล่าวได้ ภาครัฐจะสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำนโยบาย การใช้จ่ายงบประมาณ ที่มาจากภาษีของประชาชนก็จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ตรงความต้องการและตอบโจทย์พี่น้องประชาชน และจะทำให้การจัดทำนโยบายของฝ่ายบริหารทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาตรงจุด จนสามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤติได้ในที่สุด