พิสูจน์ความบริสุทธิ์! “ชัยวัฒน์” หอบ 1 ล้านขอประกันศาลคดีอุ้มฆ่า “บิลลี่”
“ชัยวัฒน์” เข้าพบอัยการตามนัด “ดีเอสไอ” ส่งฟ้องศาลคดีทุจริตฯกลาง คดีอุ้มฆ่า “บิลลี่” ลั่นขอประชาชนตามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พ้อ “ลูกน้อง” ต้องมาซวยด้วย ลั่นไม่กังวล จ่อยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัว
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2565 ในช่วงเช้า ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำส่งสำนวน พร้อมนำตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมนายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 1-4 คดีกล่าวหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ได้แก่
- ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
- ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง
- ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
- ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
หลังจากนั้นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ ได้นำตัวนายชัยวัฒน์ กับพวก รวม 4 คน ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ในช่วงเช้า นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ไม่ได้มีความกังวลใจ และได้เตรียมเอกสารเพื่อนำมาประกันตัวพร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ทุกคนและที่ผ่านมา ตนได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และยืนยันความบริสุทธิ์ของว่าไม่ได้ทำอะไร วันนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นตอนของศาลแล้ว รู้สึกโล่งใจมากกว่า และไม่ได้รู้สึกน้อยใจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย กลับรู้สึกขอบคุณเสียมากกว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำแบบนี้ เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงสักที รวมถึงประเด็นที่ว่า ตนเป็นผู้ลงมือสั่งการและเผาบ้าน ของ “ปู่คออี้” และ “มอแอะ” ชาวบ้านบางกลอย จำนวน 2 หลัง แต่ท้ายที่สุดหลักฐานได้ชี้จัดว่า ทั้ง 2 คนนั้นอยู่บ้านหลังเดียวกัน มองว่าที่ผ่านมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ให้การเท็จ และแจ้งเท็จ ตนพิสูจน์แล้ว อยากให้สังคมคอยติดตามดูความจริงคืออะไร แต่ยังไม่ฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้น เนื่องจากทุกคนยังเกี่ยวข้องกับกรณีที่ดินชาวบ้านบางกลอยที่ยังพิพาทกันอยู่ตอนนี้
เมื่อถามกระทบกับการทำงานราชการหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่และน้อง ๆ ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตนทำงานในการปกป้องป่าตามปกติ ยังรู้สึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องมาพัวพันในคดี ลูกน้องทุกคนรู้สึกท้อใจ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาโดนคดี มองว่าไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ชิดตนก็มักจะซวยตามไปด้วย
ส่วนนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการต่อสู้คดีนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะต้องดูฝั่งของทางอัยการในขั้นตอนการตรวจหลักฐานสืบพยานก่อนว่า มีพยานหลักฐาน พยานบุคล หรือวัตถุพยานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเงินสด คนละ1 ล้านบาท