ลุ้นสัญญาณ"ปรับครม." เมื่อ“ประวิตร”เลี่ยงใช้อำนาจ
ชั่วโมงนี้ พี่ใหญ่“ประวิตร”วางตัวเองลู่ลม ไม่หักหาญน้ำใจน้อง “2 ป.” แม้จะไม่ปฏิเสธความหวังดี(ประสงค์ร้าย) ของบรรดา “คนข้างกาย” แต่ขอเลี่ยง การปรับครม.ด้วยอำนาจรักษาการนายกฯ ไปก่อน
เก้าอี้รัฐมนตรี ว่างลง 4 ตำแหน่ง เมื่อรวมกรณีล่าสุด “นิพนธ์ บุญญามณี” ลาออกจาก รมช.มหาดไทย ไปต่อสู้คดี ค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ในชั้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
โดยก่อนหน้านี้ มีเก้าอี้ ครม.ว่างอยู่ จากการถูกปลด ได้แก่ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" พ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" พ้น รมช.แรงงาน โดยทั้งสองคนพ้น ครม.ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.2564 ฐานก่อกบฏล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อีกรายถัดมา "กนกวรรณ วิลาวัลย์" ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ รมช.ศึกษาธิการ ภายหลังศาลศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2565 กรณี ป.ป.ช.ฟ้องคดี ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถูกกล่าวหาในการถือครองโฉนดที่ดิน เนื้อที่ 30 ไร่เศษ ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และแนวเขตป่าไม้ถาวรเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ทำให้รัฐสูญเสียที่ดินในเขตอุทยาน
เมื่อมีเก้าอี้ ครม.ว่างถึง 4 ตำแหน่ง ย่อมมีแรงกดดันจาก “คนข้างกาย-ลูกพรรคพลังประชารัฐ” ขอให้ “หัวหน้าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ปรับครม. เพื่อจัดสรรโควตาให้กลุ่ม-ก๊วนภายในพรรค โดยเฉพาะเก้าอี้ของ “ธรรมนัส-นฤมล” ที่ว่างเว้นมาเป็นปี
เนื่องจากคนข้างกาย-ลูกพรรค รู้ดีว่า หาก นายกฯ“ประยุทธ์” รอดพ้นจากปม 8 ปี แม้จะมีโอกาสปรับครม.เหลืออยู่ ก็เป็นไปได้ยาก
นอกจาก ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์-พรรคภูมิใจไทย ที่พร้อมเสนอชื่อให้ปรับในโควตาของตัวเอง แต่ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ สุ่มเสี่ยงที่นายกฯ “ประยุทธ์” จะไม่ปรับ “คนข้างกาย-ลูกพรรคพปชร.” ในสาย “ประวิตร” ที่จ้องเลื่อยขาตัวเองอยู่
เมื่อมีไฟต์บังคับจากโควตา 2 “พรรคร่วมรัฐบาล” จึงมีการเร่งเกม โหมกระแสข่าวให้ “ประวิตร” เร่งปฏิบัติการ ก่อนที่จะถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดปม 8 ปีของ “ประยุทธ์”
ทว่า สัญญาณจาก “ประวิตร” บอกผ่านสื่ออย่างชัดเจนว่า จะไม่มีการปรับครม. โดยจะรอคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ปม 8 ปีก่อน หาก “ประยุทธ์” รอดก็จะกลับมาปรับ ครม.ด้วยตัวเอง ซึ่งคำยืนยันนี้อาจจะสยบกระแสข่าวปรับครม.ได้บ้าง
ขณะเดียวกัน เมื่อเช็คความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มปากน้ำ” ซึ่ง “ประวิตร” ให้คำมั่นสัญญาว่าหากมีการปรับครม. “กลุ่มปากน้ำ” จะอยู่ในลิสต์เบอร์หนึ่งที่จะได้เก้าอี้ครม. ซึ่งในทางลับ ยังไร้สัญญาณจาก “ประวิตร” ส่งถึง “กลุ่มปากน้ำ” ว่าจะมีการปรับครม.เช่นเดียวกัน
หากย้อนไปในช่วงแรกที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีมติ 5-4 สั่งให้ “ประยุทธ์” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี “ประวิตร” บอกกับลูกพรรค พปชร.ในทางลับด้วยตัวเองว่า “จะช่วยตู่ให้กลับมา” ทำให้บรรดาลูกพรรค พปชร. ตีความกันว่าอาจไม่มีการปรับ ครม.
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของลูกพรรค พปชร.แทบจะไม่มีใครเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหว เพราะรู้ทิศทางลม หากหัวไม่ขยับ หางย่อมไม่ส่าย
ฉะนั้นกระแสข่าวปรับ ครม.ส่วนใหญ่ จึงถูกปล่อยมาจาก “ทีมบ้านป่ารอยต่อ” ที่มี “อดีตรัฐมนตรี” ข้างกาย “ประวิตร” อยากกลับมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ยี่ห้อ “ประวิตร” อ่านทุกความเคลื่อนไหว รับรู้ได้ว่า หากกระเหี้ยนกระหือรือ อยากปรับครม. อาจเข้าทาง “มือมืด” ให้มีข้ออ้าง เชือดให้พ้นทางได้
ที่สำคัญตัวตนของ “ประวิตร” รัก “น้องตู่-น้องป๊อก” มาก คงไม่หักหาญน้ำใจน้องด้วยการใช้อำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีทำในสิ่งที่อยู่ในอำนาจของน้อง แม้ “คนข้างกาย” จะคอยยุแยงตะแคงรั่วก็ตาม
มีกระแสข่าวว่า “ประวิตร” ลำบากใจอย่างมาก ที่จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “ประยุทธ์” นำประชุม ครม. ทำให้ตัดสินใจ ปล่อยให้เก้าอี้นายกฯว่าง ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนั่งเก้าอี้ประจำของตัวเองนำการประชุมครม.แทน
จะเห็นได้ว่า แม้ “คนข้างกาย” จะคอยวางเกมปั่นกระแส “ประวิตร” มากน้อยแค่ไหน แม้ “ประวิตร” จะเคลิ้มและอยากนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากเพียงใด แต่ด้วยความรักและเคารพกันและกันของ “3 ป.” ทำให้ “ประวิตร” ไม่ล้ำเส้น “น้องตู่-น้องป๊อก”
ชั่วโมงนี้ พี่ใหญ่“ประวิตร”วางตัวเองลู่ลม ไม่หักหาญน้ำใจน้อง “2 ป.” แม้จะไม่ปฏิเสธความหวังดี(ประสงค์ร้าย) ของบรรดา “คนข้างกาย” แต่ขอเลี่ยง การปรับครม.ด้วยอำนาจรักษาการนายกฯ ไปก่อน