ฝ่ายค้านหอบหลักฐานยื่น ป.ป.ช.สอบ “ศักดิ์สยาม” ผิดจริยธรรม-ซุกทรัพย์สิน
“ทวี” นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้าน หอบหลักฐานยื่น 3 คำร้องถึง ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ผิดจริยธรรมร้ายแรง ปมเครือญาติครอบครองที่ดิน “เขากระโดง” ส่อจงใจซุกทรัพย์สินไม่แจ้งหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ-บ.ศิลาชัยฯ แถมเอื้อประโยชน์กวาดงาน “คมนาคม”
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเพื่อชาติ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กรณีกล่าวหา 3 เรื่อง ได้แก่
1.ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริงและดำเนินการด้านจริยธรรมกับนายศักดิ์สยาม ในฐานะที่กำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวหาว่า ปล่อยปละละเลยไม่เร่งรัดสั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยที่ตนเองกำกับดูแล ให้เร่งดำเนินการฟ้องร้องเรียกคืนและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของการรถไฟ บริเวณเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จากผู้บุกรุกที่ดินการรถไฟเพื่อให้กลับมาเป็นของการรถไฟโดยเร็ว
โดยมีมูลเหตุจูงใจมากจากที่นายศักดิ์สยามรวมถึงเครือญาติยังคงถือครองที่ดินดังกล่าวในการใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจอยู่ และต้องการครอบครองที่ดินนั้นไว้ต่อไปให้นานที่สุด โดยขอให้ ป.ป.ช .ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา เหมือนกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ
2.ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ยึดถือ ครอบครองที่ดินรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีการครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
3.ปกปิดและแจ้งทรัพย์สินในการเข้าดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ต่อ ป.ป.ช อันเป็นเท็จ กล่าวหาว่า นายศักดิ์สยาม แจ้งบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับบริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น อาจไม่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ส่อเจตนาปกปิดทรัพย์สิน เพราะเป็นเจ้าของที่แท้จริงในทรัพย์สินของเอกชนทั้ง 2 แห่ง และมีพฤติกรรมน่าเชื่อว่า ใช้อำนาจหน้าที่ รมว.คมนาคม เอื้อประโยชน์ให้กับ หจก.บุรีเจริญ ตอนสตรัคชั่น เข้าทำสัญญากับกระทรวงคมนาคม
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พฤติการณ์ของนายศักดิ์สยาม เข้าข่าย เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตามมาตรา 234 วรรค ( 1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามมาตรา 28 (1) รวมถึงกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มาตรา 87 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 โดยได้แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานหลักฐานประกอบด้วย สำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ สำเนารายงานการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เรื่องกล่าวหา สำเนาหมายบังคับคดีของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และสำเนาหนังสือกรมที่ดิน รวม 7 รายการ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน ข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายศักดิ์สยาม ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการดำเนินกิจการของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจิรญ คอนสตรัคชั่น ที่หลักฐานชัดเจนว่า นายศักดิ์สยาม มีทรัพย์สินและหนี้สินอยู่กับห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น 38 ล้านบาท แต่ไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า รวมถึงขอให้ดำเนินการไต่ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในของนิติบุคคลทั้ง 2 แห่ง ว่า นายศักดิ์สยาม ยังเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นที่แท้จริงของนิติบุคคลทั้ง 2 แห่งหรือไม่ เนื่องจากพบว่า นิติบุคคลทั้ง 2 แห่ง เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐในระหว่างที่นายศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 126 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และเป็นการกระทำอันขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 พร้อมได้ยืนเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำเนาบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและสำเนาเอกสารทะเบียนบ้านของนายศักดิ์สยาม รวมถึงเอกสารจดทะเบียน งบการเงิน บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจิรญ คอนสตรัคชั่น รวม 15 รายการ
เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า กรณีที่ดินเขากระโดง โดยเฉพาะโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งบ้านพักของนายศักดิ์สยามนั้น ป.ป.ช.เคยมีมติแล้วว่าเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบและมีหนังสือไปถึงรฟท.ให้ดำเนินการกับผู้บุกรุก แต่ปรากฏว่ายังมีการฝ่าฝืนและสร้างบ้านในที่ดินดังกล่าวอยู่ ดังนั้นหากยึดตามมาตรฐานคดีประเภทเดียวกันที่ ป.ป.ช.เคยดำเนินการ ก็ควรที่จะส่งศาลศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเดียวกับกรณีปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต หากป.ป.ช.ไต่สวนต้องส่งอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
ส่วนนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายศักดิ์สยามนั้น เกี่ยวเนื่องกับการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วน 1 แห่ง ก่อนที่นายศักดิ์สยาม จะเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรีนั้น อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง อาจจะเป็นเพียงการใช้นอมินีเท่านั้น ดังนั้นก็แลว่าบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.เป็นเท็จ เพราะความจริงยังมีความเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวอยู่ และยังพบว่าหลังจากนั้นห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ยังได้รับงานของกระทรวงคมนาคมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังพบความเกี่ยวเนื่องกับบริษัท 1 แห่ง ที่อาจจะเป็นลูกหนี้นายศักดิ์สยามที่จำเป็นจะต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ได้เตรียมเอกสารประกอบคำร้องให้ ป.ป.ช.จำนวน 2 แฟ้มเพื่อให้ทำการไต่สวนต่อไป
เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตพรรคใด เพียงแต่ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องใดมีมูลที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช.ได้ก็เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด และยังมีอีกหลายคนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป ขณะนี้กำลังทำสำนวนอยู่ ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กรณีการทุจริตถุงมือยาง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีการใช้งบกลางส่อไปในทางทุจริตผิดวัตถุประสงค์ จะยื่นภายในเดือนนี้
สำหรับการยืนหนังสือต่อประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ของพรรคร่วมฝ่ายค้านในครั้งนี้ ข้อมูลเอกสารและหลักฐานต่างๆที่นำมาประกอบคำร้องในการยืน ป.ป.ช. มาจากการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.65 ที่ได้นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม