กางไทม์ไลน์ กกต.จัดเลือกตั้ง ส.ส.หลังครบเทอม เปิดแผนสำรองหาก “ยุบสภา”
กางไทม์ไลน์ กกต.เตรียมแผนจัดเลือกตั้ง ส.ส. หลังสภาฯครบเทอม กำหนดวันหย่อนบัตร 7 พ.ค. 66 เตรียมแผนสำรองหากมีการ “ยุบสภา” ต้องเลือกตั้งภายใน 45 วันนับแต่ พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯใช้บังคับ
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2565 มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า กกต.เตรียมแผนการเลือกตั้งกรณีสภาผู้แทนราษฎรครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. 2566 ไว้แล้ว โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ เบื้องต้น กกต.กำหนดให้วันที่ 7 พ.ค. 2566 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป
สำหรับ รายละเอียดของแผนจัดการเลือกตั้งเบื้องต้นที่ กกต.กำหนดนับจากวันที่ 23 มี.ค. 2566 ที่อายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง มีดังนี้
วันที่ 30 มี.ค. 2566 จะเป็นวันสุดท้ายที่คาดว่าพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้
วันที่ 31 มี.ค. 2566 กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง และประกาศกำหนดวันรับสมัคร
วันที่ 3-7 เม.ย. 2566 เป็นวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.
วันที่ 11 เม.ย. 2566 วันสุดท้ายของการประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง และเป็นวันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
วันที่ 14 เม.ย. 2566 ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.
วันที่ 16 เม.ย. 2566 เป็นวันสุดท้ายส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน และสรรหาแต่งตั้งคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
วันที่ 26 เม.ย. 2566 เป็นวันสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้งและสถานที่เลือกตั้ง รวมถึงวันสุดท้ายของการเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ
วันที่ 30 เม.ย. 2566 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง และนอกเขตเลือกตั้ง รวมทั้งแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ส่วนวันที่ 1-6 พ.ค. 2566 เป็นระยะเวลาแจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยวันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นวันสุดท้ายยื่นคำร้องเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
วันที่ 3 พ.ค. 2566 เป็นวันสุดท้ายศาลฎีกาพิจารณาสิทธิสมัครกรณีผู้อำนวยการ การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัคร
วันที่ 6 พ.ค. 2566 เป็นวันสุดท้ายที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ยื่นคำร้องศาลฎีกา กรณีผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
วันที่ 7 พ.ค. 2566 เป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
วันที่ 8-14 พ.ค. 2566 เป็นวันแจ้งเหตุไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
รายงานข่าวระบุอีกว่า นอกจากนี้ กกต.กำหนดแผนการเลือกตั้งกรณีเกิดการยุบสภา จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 103 กำหนด ทั้งนี้ภายใน 5 วันนับแต่วันมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา กกต.จะต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป และวันสมัครรับเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา
ขณะเดียวกันยังกำหนด ห้วงวันสุดท้ายของการประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้ง วันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน การประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ภายใน 7 วัน นับแต่วันปิดรับสมัคร วันสุดท้ายส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน สรรหา และคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20 วัน
รวมถึงวันสุดท้ายเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้ง ที่เลือกตั้ง และ วันสุดท้ายเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง วันสุดท้ายยื่นคำร้องเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ภายใน 7 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อ
วันสุดท้ายศาลฎีกาพิจารณาสิทธิสมัคร กรณี ผอ.การเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัคร ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน วันสุดท้าย ผอ.ประจำเขตเลือกตั้งยื่นคำร้องศาลฎีกากรณีผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามก่อนวันเลือกตั้ง รวมทั้งวันที่คาดว่าเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ไม่เกิน 60 วันนับแต่วันยุบสภา และการแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กกต .ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ใกล้ถึงระยะเวลา 180 วัน ก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 23 มี.ค. 2566 โดยผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงให้เป็นไปตาม มาตรา 68 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 และต้องมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 73 กฎหมายเดียวกัน มีห้วงระยะเวลาหาเสียงเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2565 จนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง
และเตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองปฏิบัติ ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน ว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้างในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ได้ปฏิบัติตาม