"สุวัจน์"มั่นใจรีแบรนด์ "ชพน." สร้างความเข้มแข็ง - ยันไม่เปลี่ยนตัวหัวหน้า
"สุวัจน์" มั่นใจ รีแบรนด์พรรคชาติพัฒนากล้า สร้างความเข้มแข็ง ไม่กังวลสถานการณ์การเมืองพร้อมเลือกตั้งทุกเมื่อ ด้าน "กรณ์" ไม่ปิดโอกาสร่วมงานพรรคอื่นแก้ปัญหาปชช.
เมื่อเวลา 14.15 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา, นายเทวัญ ลิปตพัลล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวนิช ว่าที่กรรมการบริหารพรรค , นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์พรรคด้านเศรษฐกิจ, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรค าร่วมแถลงข่าวหลังจากการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคชาติพัฒนา ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการตั้งนายกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และเปลี่ยนชื่อพรรคจากพรรคชาติพัฒนา เป็น พรรคชาติพัฒนากล้า
โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่ามติที่ประชุมเห็นชอบให้นายกรณ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ตนได้แจ้งที่ประชุมว่านายกรณ์ จะช่วยงานของพรรคด้านเศรษฐกิจที่เป็นวิกฤตของประเทศพร้อมกับคณะ รวม 80 คน ทำให้พรรคชาติพัฒนามั่นคงในด้านเศรษฐกิจ นอกจากนั้นมติที่ประชุมเห็นชอบกับการรีแบรนด์พรรคตามที่ประชุมของคณะกรรมการบริหาร ที่มีนายเทวัญ เป็นประธานการประชุมนำเสนอ และเปลี่ยนชื่อพรรค เนื่องจากสมาชิกเห็นว่ามีความซ้ำซ้อนและสับสนกับพรรคการเมืองหลายพรรค จึงต้องการสร้างความชัดเจน และสอดคล้องกับการเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งการมีบัตรเลือกปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้การเปลี่ยนชื่อจึงมีการตอบโจทย์และไม่ทำให้ผู้มีสิทธิเลืกตั้งสับสน
“พรรคชาติพัฒนาความหมายดี คงเอาไว้ แต่ต้องการปรับปรุงให้ชัดเจน แต่คงความมุ่งหมายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไว้ ทั้งนี้มีคนเสนอชื่อหลากหลาย ทั้งชาติพัฒนาเศรษฐกิจ, กล้าชาติพัฒนา, พัฒนากล้า, ชาติพัฒนาไทย , กล้าพัฒนา, ชาติกล้า , พัฒนาทั้งชาติ หรือพัฒนาตลอดชาติ ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมเสนออย่างตั้งใจพร้อมให้เหตุผลจึงขอมติที่ประชุม ต้องการรีแบรด์เริ่มต้นที่กระบวนการต่อเติมชื่อ เพื่อให้ชัดเจน และไม่สร้างความสับสนในความรู้สึกประชาชนต่อชื่อพรรค สะท้อนถึงบัตรใบที่สองตามกลไกเลือกตั้งที่แก้ไข และมีการลงมติชื่อที่ได้คะแนนสูงสุด คือ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้คะแนน 259 คนจากผู้ร่วมมประชุมกว่าสามร้อยคน จึงเป็นมติเอกฉันท์ให้รีแบรนด์พรรค” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่าประสบการณ์ทางการเมืองและด้านเศรษฐกิจจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นหากมีบุคลากรหรือท่านใดมร่วมงานพรรคชาติพัฒนาตนยินดีแต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของพรรค ทั้งนี้หลังจากนี้ พรรคต้องขยายฐานเตรียมตัวในการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ผู้สมัครรับเลือกตั้งให้พรรคเข้มแข็งและได้ส.ส.มากที่สุดมีกำลังกู้วิกฤตเศรษฐกิจ ผลักดันการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้อีก 1-2 วัน จะมีการประชุมกรรมการบริหารเพื่อเตรียมการทำงาน ส่วนความคาดหวังว่าจะได้กี่เสียงประเมินยากว่าจะได้เท่าไร และเร็วเกินไป โดยต้องรอการพิจารณารายละเอียด เช่นการทำโพล จังหวะการยุบสภา
เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองและจังหวะยุบสภา นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่กังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองหากมีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นโค้งสุดท้ายและต้องนำไปสู่การเลือกตั้ง สิ่งที่ชัดเจนกับกการเลือกตั้งเป็นทางออกที่ดีให้ประเทศหากเลือกตั้งเร็วดี หากตามครบกำหนดไม่มีปัญหา อุบัติเหตุทางการเมืองขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย
“การเลือกตั้งสร้างความมั่นใจ ในโค้งสุดท้ายเตรียมตัว เลือกตั้งวันไหน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ไม่กังวลหากาเร็วเลือกตั้งเร็ว หรือจะเลือกตั้งตามกรอบเดิม และผมมองว่า การเลือกตั้งคือคำตอบของการแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ต้องวิตก มีการเลือกตั้ง ทั้งนี้การรวมบุคลากรเข้าด้วยกันเชื่อว่าจะขยายฐานพรรคชาติพัฒนากล้าให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น” นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายสุวัจน์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ ( 26 กันยายน) ยังเป็นไปตามโครงสร้าง คือ นายเทวัญ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนนายกรณ์ เป็นกรรมการบริหารพรรค ส่วนอนาคตจะมีโอกาสหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่การกำหนดบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น ยังไม่ได้หารือ
เมื่อถามถึงการจับมือทางการเมืองร่วมกับพรรคการเมืองที่ชูประเด็นแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เช่น พรรคสร้างอนาคไทย ของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคหรือพรรคสร้างอนาคตไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายสุวัจน์กล่าวว่า ไม่ได้คุยกัน แต่พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อทำให้เกิดการประนีประนอม พร้อมพูดคุยกับพรรคการเมือง ถือว่าแลกเปลี่ยนความเห็นก่อให้เกิดความร่วมมือแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง หากพรรคการเมืองเปิดแลปเปลี่ยนความเห็น ลดความขัดแย้งทางการเมือง โดยพรรคชาติพัฒนาพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง รวมถึงการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีทางการเมืองเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งตนมองว่าจำเป็นให้การแก้ไขวิกฤตประเทศสำเร็จ
ด้านนายกรณ์ กล่าวตอบคำถาม ใครที่มีความคิด และตั้งใจเห็นปัญหาประชาชนตรงกัน ยินดีต้อนรับและหากถามถึงอนาคตหลังเลือกตั้งจะร่วมมืออย่างไร ตนมองว่ามีเป้าหมายสำคัญ คือ จะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างไร หากเห็นตรงกันโอกาสความร่วมมมือเกิดขึ้น ซึ่งก่อนการเลือกตั้งหากใครมีฝีมือจะร่วมเพื่อช่วยเสริมกำลังกันได้ตนยินดี
นายกรณ์กล่าวด้วยว่าสำหรับยุทธศาสตร์พรรคต้องหารือในการประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง อย่างไรก็ดีเป้าหมายการทำงานจากนี้คือการทำงานร่วมกัน สร้างโอกาสและความหวัง ให้คนรุ่นใหม่และคนไทยทุกวัยให้ได้รับการดูแล ทั้งนี้การรวมพลังคือสร้างโอกาสให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนให้ดีมากขึ้น .