"วีซ่า 2 ปี" เก้าอี้นายกฯ "ประยุทธ์" เสี่ยงกระแสหด กลุ่มทุนหาย ม็อบไล่
ถ้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เปลี่ยนเกมเล่น ยังคงยึดโมเดลเดิมๆ คือการแบก พล.อ.ประยุทธ์ ลงสนาม ก็นับว่ากำลังเดินเกมเสี่ยงสะดุดล้มคว่ำอยู่ไม่น้อย
ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ผ่านด่าน 8 ปี ของการเป็นนายกรัฐมนตรี ไปได้ในที่สุดหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยให้ยึดวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 60 ประกาศใช้เมื่อ 6 เม.ย.60 อายุขัยในการเป็นนายกฯ จึงเหลือแค่ถึงปี 68
เส้นทางต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงกลายเป็นอุปสรรคให้พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคการเมืองใดก็ตาม ที่อยากจะสนับสนุนให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชี เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป
ด้วยเงื่อนไขการเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เหลือน้อยลงเข้าไปทุกที การจะเข็นลงสนามหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อหวังเป็นแม่เหล็กดึงคะแนนเสียงก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เนื่องจากคงไม่มีพรรคไหนหาญกล้าประกาศหาเสียง ด้วยการชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แค่2 ปี แบบนั้นจะเข้าทางพรรคฝ่ายค้าน ที่จะมีประเด็นปลุกกระแสต้าน ที่จะดึงม็อบให้ออกมาช่วยกดดัน และยังเข้าทางพรรคร่วมรัฐบาลทันที
ด้วยเหตุผลที่สำคัญข้อหนึ่งคือ การที่โหวตเตอร์ หรือใครก็ตามจะลงคะแนนเสียงเลือกใคร ต่างก็อยากให้ทำงานต่อเนื่อง ได้รัฐบาลมีเสถียรภาพ นโยบายไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
หากพรรคการเมืองอื่นๆ มีแคนดิเดตที่เร้าใจกว่า นโยบายพอเป็นไปได้ ก็น่าสนใจว่า บรรดาสวิงโหวต หรือกลุ่มคนที่ชอบลองของใหม่ทั้งหลาย อาจเทคะแนนเสียงไปทางใดทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นได้
นอกจากนั้น กลุ่มทุนก็คงต้องคิดหนัก หากตัดสินใจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ที่เหลือวีซ่าเป็นนายกฯ ได้แค่ 2 ปี จะคุ้มค่ากับการเป็นสปอนเซอร์ ในระยะเวลาดังกล่าวหรือไม่
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ติดเงื่อนไขเรื่องวาระการเป็นนายกฯ ก็ตาม ความป็อปปูล่าร์ในวันนี้ ดูจะถดถอย แตกต่างจากเมื่อครั้งเลือกตั้งปี 62 ค่อนข้างมาก
ดังนั้น ถ้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เปลี่ยนเกมเล่น ยังคงยึดโมเดลเดิมๆ คือการแบก พล.อ.ประยุทธ์ ลงสนาม ก็นับว่ากำลังเดินเกมเสี่ยงสะดุดล้มคว่ำอยู่ไม่น้อย
แทนที่จะปรับทัพให้ทันความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เปลี่ยนไป มีชุดนโยบายที่พลิกฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง แต่ถ้ายังยึดติดตัวบุคคลมาก่อน พรรคเครือข่ายพล.อ.ประยุทธ์ ก็มีแนวโน้มจะนับถอยหลังไปด้วยกัน