"ทหารมหาดเล็กไล่กา" สู่ "ทหารคอแดง" 150 ปี ยกระดับพิทักษ์ราชจักรีวงศ์
“ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยชีวิต” คำปฏิญาณตนของทหารชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น ต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 พระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 และ ร.10 เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ประเพณีปฎิบัติของ "กองทัพบก"สืบต่อกันมา
เป็นทำเนียมปฏิบัติของ "กองทัพบก" ในทุกปี ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)จะนำทหารชั้นนายพลที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5) พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และ พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่10)
"ข้าพระพุทธเจ้า จะรักษาไว้พระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ "
เสียงกล่าวนำ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.พร้อมด้วยทหารชั้นนายพลที่พึ่งรับตำแหน่งใหม่ ดังกระหึ่มลั่นกองทัพบก ไม่ต่างอะไรกับทุกๆปี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยวันนี้ (3 ต.ค.2565) นี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ สวมเครื่องแบบเต็มยศชุดพระราชฐาน นำทหารชั้นนายพลกล่าวคำปฏิญาณพร้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ทหารชั้นนายพล สังกัดกองทัพบกดำรงตำแหน่งที่สำคัญและพระราชทานยศชั้นนายพล
ตลอดจนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปศึกษาเล่าเรียนโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ เพื่อเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณ ปกป้องรักษาเอกราช อธิปไตยของประเทศชาติและราชอาณาจักรไทย รวมถึง รัชกาลที่ 9
จากนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะให้นายพลกล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณ โดยเริ่มด้วยคาถาในดวงตรามหาจักรี “ติระตะเน สะกะรัฏเฐ จะ…สัมพังเส จะ มะมายะนัง สะกะราโชชุจิตตัญฺจะ.. สะกะรัฏฐาภิวัฑฒะนังฯ
ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง
จากนั้นทั้งหมดจะเปล่งเสียงกล่าวปฏิญาณพร้อมกัน 3 ครั้ง ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยชีวิต”
ทั้งนี้ "รัชกาลที่ 5" ได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร.) ชื่อเดิม โรงเรียนนายร้อยกองทัพบก ตั้งอยู่ถนนราชดำเนิน ต่อมา "รัชกาลที่ 9" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า" และเห็นว่าสถานที่คับแคบจึงมีพระราชดำริย้ายไปตั้งที่ เขาชะโงก จ.นครนายก
รร.จปร.ถือกำเนิดมาพร้อมๆกับ "กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์"โดยเริ่มจากการจัดตั้งทหารมหาดเล็กเด็ก ที่เรียกว่า "ทหารมหาดเล็กไล่กา" จำนวน 12 คน ในต้นรัชกาลที่ 5 ก่อนขยายกำลังโดยฝึกข้าหลวงเดิมให้เป็นทหารมหาดเล็กสมทบกับพวกมหาดเล็กไล่การวม 24 คน จึงเรียกทหารในชุดนี้ว่า "ทหาร 2 โหล" และได้เพิ่มจำนวนทหารมหาดเล็กเป็น 72 คน แต่งตั้งเป็นกองทหารมหาดเล็กสำหรับรักษาพระองค์อย่างใกล้ชิด
ปี 2414 ขยายกองทหารมหาดเล็กออกเป็นกองร้อย เรียกว่า "กอมปานี" (company) ถึง 6 กองร้อย จัดตั้งเป็น "กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์" และให้จัดตั้งสถานที่สอนวิชาการและระเบียบการขึ้นในกรมทหารมหาดเล็ก รวมทั้งให้มีการสอนวิชาภาษาอังกฤษและภาษาไทยด้วย เรียกสถานศึกษาว่า คะเด็ตทหารมหาดเล็ก ส่วนนักเรียนเรียกว่า "คะเด็ต" (cadet)
จึงทำให้ปัจจุบันบุคคลที่จะก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จะถูกคัดสรรเป็นพิเศษ ที่สำคัญต้องมีความจงรักภักดีเป็นที่สุด เพราะนอกจากต้องคุมกำลังทหารกว่า 2 แสนนายแล้ว ยังดำรงตำแหน่งในหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า "ทหารคอแดง" ที่มีต้นแบบมาจาก "ทหารมหาดเล็กไล่กา" ในอดีต ทำหน้าที่ถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัย ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ในปีที่ผ่านมาบทบาทเด่นชัดที่สุด ในการปกป้องสถาบันของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กรณีสั่งห้ามทุกหน่วยทหารในสังกัด หรือกิจการใดๆ ของกองทัพบก ใช้บริการสั่งสินค้าจากแพลตฟอร์ม LAZADA รวมทั้งไม่อนุญาตให้มีการส่งของจากแพลตฟอร์ม LAZADA เข้ามาในพื้นที่ของหน่วยทหารหรือพื้นที่ที่กองทัพบกให้การดูแล
เพื่อตอบโต้กรณีแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ “LAZADA” ได้มีการ นำเสนอโฆษณาด้านการตลาด (Content) ในลักษณะที่ก้าวล่วงสถาบัน บ่อนทำลายและกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยอย่างร้ายแรง อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงเจตนารมณ์ ในการปกป้องสถาบันและใช้มาตรการทางสังคมต่อองค์กรที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและสร้างความแตกแยกในสังคมไทย
โดยการแสดงออกในครั้งนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ถูก ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะ "พรรคก้าวไกล" โจมตีอย่างหนักว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ต่อเอกชนผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง และเป็นการชี้นำต่อสังคม สร้างบรรยากาศความหวาดกลัว และผลักภาระให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ
เพียงไม่ถึงเดือน พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้ยกเลิก มาตรการห้ามหน่วยทหารสั่งสินค้าและไม่อนุญาตให้มีการส่งของจากแพลตฟอร์มออนไลน์ “LAZADA” เข้ามาในพื้นที่หน่วยทหารของกองทัพบก ภายหลังมีการดำเนินคดีกับสื่อโฆษณาด้านการตลาดดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศการเปิดประเทศหลังโควิด-19 คลี่คลาย
สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ตกเป็นเป้าฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามมาตลอด ไม่ต่างอะไรกับยุคของ "บิ๊กแดง" พล.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ทหารคอแดง คนแรก หลังเข้ามารับไม้ต่อกับบทบาทในการปกป้องเทอดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยเฉพาะปฏิกิริยาที่มีต่อคนรุ่นใหม่"นิสิต-นักศึกษา-ประชาชน"ต่อข้อเรียกร้อง ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ถูกมองว่าเป็นแนวคิดของ "ขบวนการล้มเจ้า" ซึ่งถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ไม่ต่างอะไรกับ "ทหารมหาดเล็กไล่กา" ถูกต่อยอดให้เป็น "ทหารคอแดง" เพื่อยกระดับบทบาทการพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป