"ดร.ยุ้ย เกษรา "เผย ยังไม่ตัดสินใจเล่นการเมืองขอทำหน้าที่เพื่อคนกรุงก่อน
"ดร.ยุ้ย เกษรา "เผย ยังไม่ตัดสินใจเล่นการเมืองสนามใหญ่ต่อหรือไม่ แม้มีคนมาทาบทาม ยอมรับถือเป็นเรื่องท้าทาย แต่ขอทำหน้าที่เพื่อคนกรุงเทพฯให้ดีที่สุดก่อน
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานในช่วงที่ผ่านมาว่า ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ไม่เคยได้ทำ เราก็พยายามเข้ามาบริหารจัดการปัญหาให้กับคน กทม.ที่ถือว่าเป็นอีกชุดบริหารที่เป็นความคาดหวังของคน กทม.โดยที่ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็บอกมาตลอดว่า คนเลือกตามนโยบายที่เราพูด หน้าที่เรา ก็คือต้องทำตามนโยบายที่เราบอก เราก็ทำตามนั้น เพราะถ้าเปลี่ยนกทม.ได้เรียกว่าเปลี่ยนได้เกือบทั้งประเทศแล้ว
ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นกรรมาธิการเกี่ยวกับการเงิน การคลัง ซึ่งเท่าที่เคยสัมผัสลักษณะงานของ ส.ส.มักจะเป็นงานนโยบาย ที่เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมาย แต่งานกทม.มันปฏิบัติเลย ใกล้ตัวกว่า เป็นงานเชิงพื้นที่ ที่ต้องแก้ปัญหาด้วยตนเหตุ แต่สิ่งที่แตกต่างในมุมมองของตน คือ ส.ส.น่าจะสามารถเข้าไปจัดการปัญหาได้รวดเร็วกว่า
นอกจากนี้ได้สะท้อน ถึงมุมมองในระยะต่อไป หากหมดวาระ ของผู้ว่า กทม.ชุดนี้แล้ว อนาคตสนใจเล่นการเมืองหรือไม่นั้น ดร.เกษรา กล่าวว่า ถ้าถามว่าสนใจภาพที่ใหญ่กว่าตัวเองหรือไม่ ก็สนใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า ตนมีความสามารถพอจะเป็นนักการเมืองหรือไม่ เพราะการตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเราก็คงไม่สามารถตัดสินใจเพียงคนเดียวได้ จะต้องรับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้างด้วย
เพราะเท่าที่ผ่านมาคนรอบข้างตนยังไม่ค่อยมีใครสนับสนุนในเส้นทางนี้เลยสักคน การเข้ามาเล่นการเมืองคนก็จะมองว่าเปลืองตัว หาเรื่องเจ็บตัว ทำให้คนไม่กล้าตัดสินใจเข้าไป
"คนในวงการการเมืองก็ไม่ได้แตกต่างจากวงการอื่น เพราะมีทั้งคนดี คนไม่ดี เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนมองว่า การเมืองเหมือนกับอุตสาหกรรมหนึ่ง คล้ายวงการเซเลบลิตี้ ที่มีเหตุผลในการคงอยู่ของเขา อยู่ที่คนรัก คนชอบ นักการเมืองก็เหมือนกัน ถ้าคะแนนไม่มากพอก็เป็น ส.ส.ไม่ได้ เขาอยู่ได้ด้วยทุนจากความรัก จากคนมาให้ ก็ต้องทำคาแร็คเตอร์ในสิ่งที่ทำให้คนเขาชอบเรา ทุกอย่างเป็นการสร้างคาแร็คเตอร์ และต้องเป็นคาแร็คเตอร์ที่ทำให้คนจดจำหรือชอบให้ได้"ดร.เกษรา กล่าว
ส่วนเรื่องการเข้าสนามการเมืองระดับประเทศ ตนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แต่ยอมรับว่ามีคนมาชักชวน แต่ยังไม่ได้คิด ตนมองว่าทุกพรรคการเมืองมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่ในความเห็นส่วนตัว มีอุดมการณ์ในการทำงาน เรื่องโปรทุนนิยม โปรกลไกตลาด เราต้องเชื่อว่าตรงไหนกลไกตลาดทำงานได้ ให้กลไกตลาดทำงานไป รัฐมีหน้าที่ต้องโอบอุ้มที่กลไกตลาดที่ทำงานไม่ได้ ตนก็ไม่มั่นใจว่า มีพรรคการเมืองไหนที่มีแนวคิดเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เพราะยังไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากวันนี้ยังมีหน้าที่อยู่ใน กทม.ก็อยากที่จะทำหน้าที่ในส่วนที่เรารับผิดชอบเพื่อคนกรุงเทพฯให้ดีที่สุดก่อน