ปชป.จัดทัพสู้สนาม กทม. "ดร.เอ้” ประธานนโยบาย - “มาดามเดียร์” คุมนวัตกรรม
“ปชป.” จัดทัพตั้ง 2 คณะทำงานสู้สนามกรุงเทพฯ “ดร.เอ้” ประธานนโยบาย กทม. ด้าน “มาดามเดียร์” ประธานนวัตกรรมการเมือง “องอาจ” ปัดจีบ ส.ส.เข้าพรรค มั่นใจการเมืองเปลี่ยนทวงคืนสนาม กทม.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ดูแลกรุงเทพมหานคร(กทม.) แถลงข่าวแต่งตั้ง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ เป็นประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และ น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง
โดย นายองอาจ แถลงว่า 3 ส่วนสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย หนึ่ง ส่วนยุทธศาสตร์เลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งส.ส.ครั้งที่จะถึงนี้ กทม. มี 33 เขต ดังนั้นการกำหนดยุทธศาสตร์จึงเป็นหัวใจสำคัญ
สองส่วนนโยบาย พรรคจะมีเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน สอดคล้องกับนโยบายระดับประเทศ
และสาม ส่วนของตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่ผ่านมาเตรียมการไว้จำนวนหนึ่งแล้ว โดยมีทั้งอดีต ส.ส.และคนรุ่นใหม่ ครึ่งต่อครึ่ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ประชาชน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ลงนามแต่งตั้งนายสุชัชวีร์ ให้เป็นประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และแต่งตั้ง น.ส.วทันยา เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง
ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ปัญหา กทม. เป็นปัญหารากลึก เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงจำเป็นต้องผลักดันเป็นนโยบาย เป็นภาพใหญ่ ทั้งนี้ เหตุผลที่ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะพรรคได้จัดทำนโยบายด้วยความตั้งใจ ทั้งยังเป็นนโยบายที่ทำได้จริง มีความทันสมัย รองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ต้องกลับมาแก้ไขซ้ำซาก นโยบายของพรรคที่จะเกิดขึ้นจะต้องเป็นนโยบายจากประชาชน มีประชาชนเป็นตัวตั้ง พรรคจะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อสกัดเป็นนโยบายของพรรคต่อไป
ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า นวัตกรรมในการเมืองมีความหมายว่าการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยพรรคจะยึดโยงกับภาคประชาชน รวมถึงการพลังคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดนอกกรอบ ไม่ยึดติดสิ่งเดิม ที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต เหมือนที่เคยกล่าวไว้เมื่อตอนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคว่าจะเข้ามาเป็นจุดเชื่อมช่วงวัยของสองรุ่น
เมื่อถามถึงขอบเขตการทำงานของคณะทำงานทั้งสองชุด นายองอาจ ชี้แจงว่า คณะทำงานทั้งสองชุดจะทำนโยบายของ กทม.ทั้งหมดซึ่งทำมาระยะหนึ่งแล้ว อีกส่วนคือ รับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะกลายเป็นนโยบายของพรรคต่อไป เพื่อตอบโจทย์ และแก้ไขปัญหาของประชาชน
ถามถึงความพร้อมตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ใน 33 เขต นายองอาจ กล่าวว่า ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แบ่งเขตออกมาเสียก่อน และทันทีที่แบ่งเขตเรียบร้อยพรรคก็พร้อมประกาศตัวผู้สมัคร ส.ส. โดยขณะนี้พรรคมีผู้เสนอตัวมากกว่า 33 คน 33 เขต ซึ่งจะต้องพิจารณาบุคคลให้เหมาะสมกับเขตเลือกตั้งให้มากที่สุด
ถามว่าขณะนี้ทางพรรคได้ชักชวนคนอื่นๆ มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. หรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า พรรคไม่มีนโยบายที่จะไปจีบใครหรืออ้อนวอนใครให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เราจะถือเอาเจตจำนงเป็นที่ตั้ง ต้องแสดงเจตจำนง แสดงความประสงค์
ถามถึงความมั่นใจที่จะได้ส.ส.กลับคืนมาในพื้นที่ กทม. นายองอาจ กล่าวว่า การเลือกตั้ง กทม.จะแตกต่างจากหลายภาค กทม.มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตลอดเวลา
ดังนั้น จึงเร็วเกินไปที่จะพูดถึงตัวเลข ส.ส.ในกทม. วันนี้เป็นเพียงวันเริ่มต้นในการนำเสนอสิ่งที่จะพัฒนาก้าวหน้าแก่ประชาชนภายหลังจากที่เราได้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว เราได้บุคลากรที่มีคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจากการเปลี่ยนแปลง เราจะสามารถประสบความสำเร็จได้
ถามย้ำว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ประเมินจะได้ส.ส.กทม. 7-8 ที่นั่ง นายองอาจ กล่าวว่า เป็นการประเมินโดยทั่วไป แต่สำหรับตนเห็นว่า กทม.มีลักษณะพิเศษเฉพาะ จึงเร็วเกินไปที่จะประเมิน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์