"รังสิมันต์" จี้ "รัฐบาล" แก้กฎหมายคุมถือครองอาวุธปืน-ปฏิรูปตร.-ทหาร
"รังสิมันต์" เชื่อเหตุการณ์กราดยิง-ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ส่อเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ จี้ "รัฐบาล" ใช้กลไกบริหารแก้กฎหมายคุมอาวุธปืน -ปฏิรูปตำรวจทหาร
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งใช้กลไกและอำนาจบริหารแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงสร้างแนวทางแก้ไขปัญหาการก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งมีแนวโน้มพบว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จากเหตุการณ์กราดยิง ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา อาทิ การออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน ที่ปัจจุบันผู้ได้รับใบอนุญาตสามารถครอบครองได้ตลอดชีพ ควรแก้ไขให้มีการขอใบอนุญาตใหม่ , ผู้มีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน ควรไปพบแพทย์อย่างน้อย 1 ปีครั้ง หรือ 3-6 ปีครั้ง นอกจากนั้นในกลไกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมถึงทหาร ควรมีช่องทางการรับเรื่องร้องทุกข์ และมีการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการตรวจเช็คสุขภาพจิตทุก6 เดือนหรือ 1 ปีเพราะตนมองว่าเหตุกราดยิงที่จ.หนองบัวลำภู นั้นเป็นปัญหาเชิงระบบและโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาตัวบุคคล และหากรอให้สภาฯเปิดประชุมการแก้กฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตอาจทำไม่ทันเพราะมีเวลาเหลือแค่ 4เดือน
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่าในกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ที่จ.หนองบัวลำภูและให้สัมภาษณ์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำส่วนตัว และโยนผิดให้กับคนร้ายเพียงคนเดียว เท่ากับพล.อ.ประวิตร มองว่าตำรวจ หรือ สตช. ไม่ผิด จึงไม่คิดที่จะปฏิรูปตำรวจ ทั้งนี้ตนมีข้อเสนอต่อแนวทางแก้ปัญหา คือ 1.จัดการระบบตั๋ว การซื้อขายตำแหน่ง เพื่อไม่ให้คนมีสีใช้ช่องทางธุรกิจผิดกฎหมายเพื่อหาเงินซื้อตำแหน่ง 2.ดูแลข้าราชการชั้นผู้น้อย ให้มีระบบปรึกษา เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีปัญหา และองค์กรต้นสังกัดต้องมีช่องทางร้องทุกข์ และการช่วยเหลือที่เป็นธรรม ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย 3.รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุนการทำงานในราชการ และไม่ใช้เจ้าหน้าที่ในภารกิจที่ไม่จำเป็น และ 4.กรณีที่ต้องออกจากองค์กร ต้องมีการติดตามด้านสุขภาพจิต ว่าสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้หรือไม่
เมื่อถามถึงความชัดเจนต่อการขอเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญเพื่อถกปัญหาการใช้ความรุนแรงและกราดยิงที่หนองบัวลำภู นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยังไม่ได้รับการประสานงานอย่างเป็นทางการ แต่หากสามารถเปิดประชุมได้เพิ่มขึ้นเพื่อใช้เวทีของสภาพูดคุยหาทางออกเป็นสิ่งที่เห็นด้วย แต่การเข้าชื่อเพื่อขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากฝ่ายรัฐบาลด้วย.