มท.สแกนยาเสพติด จนท.ในสังกัด กำชับทำเต็มที่ รุกป้อง-ปราบทุกพื้นที่
"มหาดไทย" สแกนยาเสพติดเจ้าหน้าที่ในสังกัด กำชับปฏิบัติงานให้เต็มความสามารถ ดำเนินมาตรการเชิงรุกป้องกัน ปราบปรามทุกพื้นที่ พร้อมเร่งบำบัดฟื้นฟูควบคู่อย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความก้าวหน้าในการดำเนินมาตรการขยายผล และเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันเเละเเก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายในการประกาศสงครามกับยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย ทั้งมาตรการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การ Re X-Ray กลุ่มเสี่ยง กลุ่มข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด เพื่อให้ยาเสพติดหมดไป และนำมาซึ่งความสุขของพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างยั่งยืน โดยได้หยิบยก กรณีตัวอย่างในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดอุดรธานี อำเภอโนนสะอาด ได้มีการตรวจสอบสภาพ การขอใช้อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด จำนวน 58 กระบอก และดำเนินการตรวจปัสสาวะ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิก ข้าราชการ พนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รวมถึงสมาชิกอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) เพื่อหาสารเสพติด จังหวัดสตูล ได้มีการตรวจปัสสาวะสมาชิก อส. จำนวน 47 ราย เพื่อค้นหาสารเสพติดในร่างกาย และจังหวัดนนทบุรี โดยที่ทำการปกครองอำเภอนนทบุรี ก็ได้ตรวจสอบปัสสาวะข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีตัวอย่างที่ได้กล่าวไป ไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด สะท้อนให้เห็นว่าทุกพื้นที่ให้ความสำคัญในการทำสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยทุกจังหวัดจะต้องปัดกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน สำหรับการดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทยนั้น นอกจากการตรวจหาสารเสพติดของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว วันนี้ได้รับการรายงานการจับกุมจากจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
(1) วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ร่วมกันสนธิกำลังเข้าจับกุมและตรวจยึดยาเสพติดของผู้ต้องหา จำนวน 1 คน พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 35,400 เม็ด โดยจับกุมได้ที่พื้นที่ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จึงได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประโคนชัย ดำเนินคดีตามกฎหมาย
(2) วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดตาก ฝ่ายปกครองอำเภอวังเจ้า บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจวังเจ้า ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งเบาะแส พบของกลางยาบ้า จำนวน 3 เม็ด จากนั้นจึงได้ขยายผลขอตรวจค้นภายในบ้านของผู้ต้องหา และพบของกลางยาบ้าทั้งหมด จำนวน 1,117 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหา จากผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังเจ้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
(3) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดภูเก็ต ฝ่ายปกครองอำเภอถลาง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 2,662 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนักรวมถุง 117.05 กรัม เครื่องชั่งดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง อุปกรณ์การเสพ จำนวน 1 ชุด และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้จัดทำบันทึกจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธถลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
(4). วันนี้ 12 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้บูรณาการปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น ตามแผน "ยุทธการฟ้าแดดสงยาง ระดมกวาดล้างยาเสพติด จังหวัดกาฬสินธุ์สู่ชุมชนมั่นคง ประจำปีงบประมาณ 2566" พร้อมกันทั้ง 18 อำเภอ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 45 คน แยกเป็นครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 11 คนผู้เสพจำนวน 34 คน ของกลางยาบ้า 16,115 เม็ด อาวุธปืน 16 กระบอก รถจักรยานยนต์ 1 คัน ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมาย สำหรับผู้เสพจะได้ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป
(5) วันนี้ 12 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดตรัง ตำรวจกองปราบบุกรวบเอเย่นต์ค้ายาเมืองตรัง เครือข่าย "บังต้าร์" พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ 272/2564 ลง 2 กันยายน 2564 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดเครือข่ายของบังต้าร์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.ตรัง โดยสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 110 เม็ด ก่อนขยายผลไปตรวจยึดของกลางเพิ่มได้อีก 32,600 เม็ด ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ก่อนนำตัวส่ง สภ.กันตัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
(6) วันนี้ 12 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดเชียงราย ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมแถลงผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดในพื้นที่ จำนวน 8 เป้าหมาย โดยสามารถจับกุมข้อหาเสพยาเสพติดได้จำนวน 35 คน แบ่งเป็นข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพ จำนวน 11 ราย ข้อหาครอบครองยาเสพติด 15 ราย และข้อหาจำหน่าย 2 ราย ซึ่งจากผลการตรวจค้น ยึดอาวุธปืนได้ จำนวน 6 กระบอก ยาบ้า จำนวน 1,846 เม็ด เฮโรอีน 22.78 กรัม และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งเป็นการกวาดล้างอาวุธปืนเถื่อน และยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้มอบชุดตรวจสารเสพติดในปัสสาวะให้แก่ สภ.ในสังกัด จำนวน 1,500 ชุด ด้วย
(7) วันนี้ 12 ตุลาคม 2565 ที่จังหวัดสมุทรปราการ ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยาเอเย่นต์ออนไลน์รายใหญ่ย่านสมุทรปราการ ยึดของกลางยาบ้า จำนวน 48,000 เม็ด พร้อมอาวุธปืนลูกโม่ ไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 พร้อมกระสุน 6 นัด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากมาตรการเชิงรุกในการประกาศสงครามกับยาเสพติดตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามข้างต้นแล้ว ทุกจังหวัดได้บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงตรวจพื้นที่ที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เช่น การร่วมกันเข้าจับกุมตัวผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จันทบุรี อุดรธานี ลำปาง ชัยภูมิ กระบี่ รวมถึงการบุกตรวจสถานบันเทิงชื่อดังในพื้นที่เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งตรวจพบสารเสพติดในหมู่นักเที่ยว จำนวน 33 ราย อีกทั้งยังพบอาวุธปืน ขนาด จุด 38 ลูกโม่ พร้อมเครื่องกระสุน 6 นัด จำนวน 1 กระบอก จึงได้นำตัวนำนักเที่ยวที่มีวัตถุคล้ายสารเสพติด และอาวุธปืน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
"ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ มีความมุ่งมั่นในการกวาดล้างปัญหายาเสพติดอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อประกาศสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง พร้อมนี้ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนตั้งใจในการทำงานเพิ่มความเข้มข้นในการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งขอให้ข้าราชการ พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พี่น้องประชาชน และขอเตือนว่าห้ามข้องเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนจะลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง และจะดําเนินคดีอาญา โดยไม่มีการงดเว้นแต่ประการใด" นายสุทธิพงษ์ กล่าว