2 ตระกูล “สุพรรณฯ” ส่อแววเปิดศึก บททดสอบ “มังกรท็อป” รักษา ชทพ.
"มังกรท็อป" ลั่นวาจาหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าการเลือกตั้งหน้าจะกวาดส.ส.ขั้นต่ำ25คน แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเจอปัญหาที่เป็นบททดสอบแรก สยบศึก2ตระกูลสุพรรณฯ ให้ได้ก่อน
ชาติไทยพัฒนา ยุคของ “หัวหน้าท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคลำดับที่ 5 ต่อจาก “กัญจนา ศิลปอาชา” พี่สาว ประกาศความพร้อมเลือกตั้ง ส.ส. ตั้งเป้า ขน ส.ส.เข้าสภาฯ ขั้นต่ำ 25 คน โดยยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ คือ ยึดคืนพื้นที่พรรคชาติไทย กลับมา
ปัจจุบัน พรรคชาติไทยพัฒนา มีส.ส.ในสภาฯ ทั้งสิ้น 12 คน โดยมาจากการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2562 จำนวน 10 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 6 คน คือ จ.สุพรรณบุรี ยกจังหวัด 4 เขต ประกอบด้วย สรชัด สุจิตต์ เขต 1 ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ เขต 2 ประภัตร โพธสุธน เขต 3 เสมอกัน เที่ยงธรรม เขต 4 จากนครปฐมเขต 2 คือ พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ และร้อยเอ็ดเขต 1 คือ อนุรักษ์ จุรีมาศ และอีก 4 คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ส่วนอีก 2 คนมาจากการเลือกตั้งซ่อม จ.นครปฐม เมื่อตุลาคม2562 คือ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ นครปฐม เขต 5 และย้ายมาจากพรรคอนาคตใหม่ 1 คน คือ จุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว คิดคะแนนแบบปันส่วนผสม "พรรคชาติไทย" ที่มี “กัญจนา” นำทัพ ส่งผู้สมัครแบบเขตเลือกตั้ง 315 เขต กวาดคะแนนมหาชน รวม 782,031 คะแนน เป็นลำดับที่ 7
เมื่อกติกาเลือกตั้งเปลี่ยนไป เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกผู้สมัครแบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ คิดคะแนนแบบเติมเต็ม จึงถือเป็นโอกาสที่ “พรรคชาติไทยพัฒนา” เชื่อมั่นว่าจะได้ส.ส.เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ผ่านยุคตกต่ำที่สุด ได้ส.ส.เข้าสภาฯ น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับ “รุ่นพ่อบรรหาร" เมื่อปี 2562 มาแล้ว
สิ่งที่ทำให้ “วราวุธ” มั่นใจว่าจะทำได้ เป็นเพราะเชื่อมั่นผลงานของตัวเอง ในฐานะ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดูแลแก้ปัญหาด้านการเกษตร ปศุสัตว์ ภายใต้การทำงานของ “ประภัตร โพธสุธน” รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค
ทว่า การโฟกัสที่ผลงานตัวเอง สะท้อนเป็นเป้าหมาย 25 ที่นั่งขั้นต่ำในยุคที่บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป อาจทำให้ “สัจจะ” ของ “หัวหน้าท็อป” อาจไม่เป็นจริง แม้จะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้น แต่การ “ยึดคืน” พื้นที่ฐานเสียงเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ จ.อ่างทอง ของตระกูล “ปริศนานันทกุล” จ.พิจิตร ตระกูล “ขจรประศาสน์-ภัทรประสิทธิ์” จ.อุทัยธานี ตระกูล “ไทยเศรษฐ์” จ.ชัยนาท ตระกูล “สงฆ์ประชา” ที่ปัจจุบันปักหลักสังกัดพรรคภูมิใจไทย และด้วยท่าทีทางการเมืองที่เป็นโมเดลตั้งแต่สมัย “บรรหาร ศิลปอาชา” เชื่อว่า "ยุคหัวหน้าท็อป” จะเว้นวรรคไม่ส่งคนชาติไทยพัฒนาลงชิงพื้นที่ของ “พันธมิตรเก่า”
นอกจากนั้น ในฐานที่มั่นเดิมของ “พรรคชาติไทยพัฒนา” คือ “สุพรรณบุรี” ยังส่อแววจะเจอปัญหาเดิม เหมือนปี 2562 ที่เกือบทำให้ “แพแตก” จะถูกฟื้นอีกครั้ง เมื่อ “ยุทธนา โพธสุธน” หรือ กำนันโอ๋ หลานของ “ประภัตร” ที่ปัจจุบันสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย จะลงชิงตำแหน่ง ส.ส.สุพรรณบุรี ในพื้นที่ของ “เสมอกัน เที่ยงธรรม” ลูกชาย “จองชัย เที่ยงธรรม”
แม้ท่าทีของเศรษฐกิจไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยังไม่ชัดว่าจะรวมกับพรรคใดหรือไม่ แต่ “ไผ่ ลิกค์” สายตรง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ยืนยันว่า ส.ส.ในสังกัดจะขอลงชิงเขตเลือกตั้ง รวมถึง “กำนันโอ๋” เช่นกัน
ย้อนรอยปรากฎการณ์ แพชาติไทยพัฒนาเกือบแตก เมื่อปี 2562 เมื่อกำนันโอ๋-ยุทธนา สวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ประกาศลง ส.ส.เขต 4 สุพรรณบุรี ทำให้ "จองชัย” พ่อของ “เสมอกัน” มองว่าเป็นเรื่องที่รังแกกัน ต้องการขับ “เที่ยงธรรม” ให้พ้นจากสนามการเมืองสุพรรณบุรี
ความพยายามเจรจาทั้งทางตรงและทางลับจึงเกิดขึ้น ทั้งการย้ายให้ “กำนันโอ๋” ไปลงเขต 3 แข่งกันเองในตระกูล “โพธสุธน” หรือขยับไปลงบัญชีรายชื่อ ตอนแรก เหมือนเจรจากันไม่ได้ ทำให้ “จองชัย” ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และ สวมเสื้อลงชิง ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 3 ชนกับ “ประภัตร” แต่ผลการเลือกตั้ง เขต 3 และเขต 4 คนของชาติไทยพัฒนาคว้าไปทั้ง 2 เก้าอี้
ความบาดหมางยุติ เมื่อ “จองชัย” กลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาอีกครั้ง หลังคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ออกโรงเจรจาด้วยตัวเอง หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง จนสยบปัญหาระหว่าง 2 ตระกูลการเมืองในสุพรรณบุรีลงได้
ทว่า รอบนี้ ปัญหากำลังวนกลับมาซ้ำรอยเดิม ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดย “เสมอกัน” ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าจะลุกลามใหญ่โตเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ แต่หากกำนันโอ๋ ยืนยันลงเขตจริง อาจทำให้ศึกในเขต 4 สุพรรณบุรีต้องสู้กันหนัก แต่เจ้าตัวพร้อมเดินหน้าสู้เต็มที่ ทั้งคู่แข่งเก่า อย่าง "สหรัฐ กุลศรี” ที่ปัจจุบัน พรรคเพื่อไทย ยังไม่ประกาศเป็นผู้สมัครชัดเจน หรือ แม้แต่ “คนในบ้านโพธสุธน"
พร้อมฝากคำถามไปว่า “ทำไมกำนันโอ๋ไม่ลงเลือกตั้ง เขต 3 ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของตัวเอง”
การตั้งเป้าหมาย ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวของ “วราวุธ” นอกจากจะเป็นโจทย์ใหญ่ที่ถูกจับจ้อง ว่าการขยายพื้นที่จะทำได้สำเร็จหรือไม่แล้ว การเคลียร์ปัญหาของ “คนรุ่นใหญ่” ในพรรคให้ลงตัวและสมดุลที่สุด ก็สำคัญพอๆ กัน
เพราะหากไม่ทำ หรือทำไม่ได้แล้ว อาจกลายเป็นอ่อนที่ทำให้ “วราวุธ”ฐานะแม่ทัพชาติไทยพัฒนา ผิด “สัจจะ" ตั้งแต่ครั้งแรกที่ขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญ.