นิพิฏฐ์ ออกโรง เคลียร์ศึก สร้างอนาคตไทย - ประชาธิปัตย์
นิพิฏฐ์ เคลียร์ประชาธิปัตย์ ชี้ สมคิด พูดตามสไตล์ ให้มีพลังดึงดูดทั้งเศรษฐกิจการเมือง ชูทางเลือกใหม่สำหรับคนใต้ "เดชอิศฐ์" ชี้ ไม่ส่งผลกระทบคะแนนเสียง มั่นใจคะแนนนิยมปชป.กวาด ส.ส.มากกว่า 35 ที่นั่ง
ายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยในรายการ คมชัดลึก ทาง ทีวีเนชั่น เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2565 ถึงกรณี การลงพื้นที่ของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคหลักในพื้นที่ภาคใต้ว่า การพูดของ นายสมคิด เป็นการพูดตามสไตล์ ต้องพูดถึงเรื่องการเมืองบ้างเพื่อดึงดูดคนฟัง แต่ไม่ได้เป็นการพูดที่รุนแรง มีกระทบกระทั้งบ้าง แต่ไม่ได้พูดในลักษณะที่รุนแรง
ส่วนประเด็นที่พูดถึงความโสมม นั้น เป็นการพูดภาพรวมทั้งประเทศ ไม่ได้พูดถึงเฉพาะภาคใต้ ขณะนี้ในทางการเมืองถือเป็นการเข้าสู่ช่วงที่ 2 ก่อนจะมีประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้ง จึงต้องมีการพูดเพื่อสื่อสารให้ประชาชนมากขึ้น และในส่วนของสถานการณ์ภาคใต้ ก็จำเป็นต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นเจ้าสนามในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ นายสมคิด เป็นคนที่พูดได้ครบเครื่องทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง เป็นคนพูดที่มีพลังคนหนึ่ง
“การพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้สร้างแผล ที่จะสร้างความบาดหมางใดๆ เหมือนกับตอนที่ผมออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เวลาผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์พูดถึงแรงกว่านี้ และในส่วนของ เราเราพูดถึง ก็เป็นการพูดในเชิงหลักการ เราสู้ด้วยความคิด ไม่แตะตัวบุคคล ดังนั้นหลังการเลือกตั้งก็ยังคุยกันได้ ทุกวันนี้ผมออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคุยกับคนในพรรคได้” นายนิพิฏฐ์กล่าว
ส่วนประเด็นการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งภาคใต้นั้น ทางพรรคสร้างอนาคตไทย จะต้องสร้างความรู้สึกให้คนในพื้นที่ให้ได้ว่า ภาคใต้ยังเป็นพื้นที่ที่ยากจน เมื่อเทียบกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอื่นๆ เราต้องเสนอให้เห็นว่าจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาคใต้ได้อย่างไร เราต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกหลาน จะยึดหลักมุ่งแต่ความเป็นสถาบันการเมือง เราจะไม่อีกหรือไม่ส่งมอบมรดกความขัดแย้งทางการเมืองไปให้ลูกหลาน พรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนภาคใต้ เราจะต้องลดความสุดขั้วทางการเมืองลดความเป็นเหลืองจัด แดงจัดลง
สำหรับประเด็นว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากลับมาเป็นนายกอีกครั้งหรือไม่นั้น ในส่วนของ พรรคสร้าอนาคตไทย ยังยืนยันว่าสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ วันนี้เราก้าวข้าม พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว การเดินนโยบายจะเน้นเรื่องปากท้องอย่างเดียว และเรามีจุดเด่นในเรื่องนี้มีทั้ง ดร.สมคิด นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เชียวชาญเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนพรรคเพื่อไทยที่มีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้นส่วนตัวมองว่า ทั้งสองคนประสบความสำเร็จในธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่มีประสบการณ์ระดับประเทศ ก็ต้องให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกคนที่มีประสบการณ์แบบใหน
นายเดชอิศฐ์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการเดียวกันถึงการลงพื้นที่ของ พรรคสร้างอนาคตไทยที่พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกอะไร เพราะยังมีความสนิทและนับถือกันดี กับนาย นิพิฏฐ์ เพราะเป็นคนชักนำให้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พูดถึงภาคใต้ว่า 10 ที่ผ่านมา ไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังมีปัญหาความยากจนเหมือนเดิม นั้น ต้องย้อนถามนายสมคิดว่า 10 ที่ผ่านมานายสมคิดนั่งเป็นรัฐมนตรี ร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี บริหารเศรษฐกิจมาโดยตลอด ทำไม่ยังเกิดปัญหาความยากจน ตลอด 10 ปีทำไมไม่ทำ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พูดมา วันนี้คนภาคใต้ รู้สึกเฉยๆ ไม่มีผลอะไร สิ่งที่พรรคจะทำในเรื่องเศรษฐกิจ จะมองทั้งภาพรวมทั้งประเทศ และ ระดับภูมิภาค และหากสามารถเข้าไปบริหารประเทศจะมีความชัดเจนว่าภาคใต้จะเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในสนามการเมืองภาคใต้ครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามีมีการลองเปลี่ยนมาแล้วในการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งผลออกมาแล้วว่าเปลี่ยนแล้วไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นความนิยมจึงกลับมาที่พรรคเหมือนเดิมสะท้อนออกมาในการเลือกตั้งซ่อมในสนามเลือกตั้งสงขลา เขต6 และชุมพร เขต1 ที่พรรคได้เลือกตั้งกลับมาทั้ง 2 เขต นอกจากนี้ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและเข้ามาร่วมกิจกรรมกับพรรคจำนวนมาก
ส่วนการเลือกตั้งที่จะมีในปี 2566 นั้น แม้จะมีพรรคการเมืองเข้ามาแข่งในสนามการเลือกตั้งภาคใต้มากขึ้น จะส่งผลกระทบดึงเก้าอี้จากพรรคประชาธิปัตย์ไปหรือไม่นั้น นายเดชอิศฐ์ กล่าวย้ำด้วยความมั่นใจว่า ไม่ส่งผลมากอย่างแน่นอน พรรคที่แตกตัวออกไปเชื่อว่า จะไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.แม้แต่ตัวเดียว เพราะวันนี้พรรคได้ตั้งหลักใหม่อย่างมั่นคง เชื่อว่า พระประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง พราะมีการสำรวจคะแนนนิยมมาโดยตลอด และทุกพรรคก็มีการสำรวจคะแนนนิยมเช่นกัน ทำให้ทุกวันที่ที่มีการพูดพาดพิงเพราะต้องการทำลายความนิยมของพรรคลง หลายพรรคอาจจะมองว่าเจาะฐานภาคใต้มากกว่าภาคอื่น แต่ จริงๆแล้ว เป็นเรื่องยากมาก
สำหรับเป้าหมายเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งปี 66 นั้น เดิมคาดการว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 35 ที่นั่ง แต่ถึงวันนี้มั่นใจว่าจะได้มากกว่า 35 ที่นั่งอย่างแน่นอน ส่วนจะเท่าไรนั้นยังไม่ยากบอกตัวเลขก่อน โดยการวางตัวผู้สมัครทั้ง 58 เขตเลือกตั้งขณะนี้ได้ตัวแล้วถึง 57 เขต ยังเหลือ เขต 2 ยะลา ที่เดียวเท่านั้น
ประเด็นหลังการเลือกตั้งจะยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ต้องรอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ต้องดูว่าประชาชนตัดสินใจอย่างไร และในเรื่องนี้ต้องให้ผู้ใหญ่ในพรรคเป็นคนพิจารณา