‘ศึกกัญชา’เกมสกัด‘ค่ายครูใหญ่’ ขวาง‘อนุทิน-ภูมิใจไทย’สยายปีก
เพื่อไทย เปิดศึก หยิบ "นโยบายกัญชา" เป็นประเด็นยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ด้วยข้อหา หลอกประชาชนเพื่อลวงเอาคะแนนนิยมให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครอง ดูก็รู้ ว่านี่คือเกมสกัด การเติบใหญ่ของ คนในค่าย เนวิน ชิดชอบ
เมื่อ “สัญญาณใกล้วันเลือกตั้ง” มีความชัดเจน ทุกพรรคการเมืองล้วนลั่นกลอง เพื่อเตรียมรบในสมรภูมิเลือกตั้ง
“มวยคู่เอก” ที่ถูกโฟกัสตอนนี้ หนีไม่พ้น “พรรคเพื่อไทย” ที่โหมกระแส “แลนด์สไลด์” ชูนโยบายเศรษฐกิจเพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ ของประชาชน พร้อมส่งสัญญาณให้วางตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมถึง “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นตัวเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ฟาก “พรรคภูมิใจไทย” ชูนโยนาย “พูด แล้วทำ” โหนกระแส "กัญชา" ดูเหมือนจะรู้สัญญาณ ตอกย้ำชัดจาการปรากฎตัวของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศกลางงานวันเกิดครบรอบ64ปี ดัน “ลูกศิษย์” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยผงาดนายกรัฐมนตรี ย้ำเป้าหมายกวาดส.ส. 100+ เข้าสภาฯ
อย่างที่รู้กันว่า การเลือกตั้งรอบนนี้ทั้ง “เพื่อไทย” ในฐานะพรรคใหญ่ และ “ภูมิใจไทย” ฐานะพรรคเตรียมตัวใหญ่จากก๊วนส.ส.ที่ดูดเข้าค่าย ต่างฝ่ายชิงเกมเป็น “เบอร์1” ในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
ทว่านอกเหนือจาก “ศึกชิงพื้นที่” ซึ่งต่างฝ่ายต่างสวนหมัด สาดอาวุธ ใส่กันไม้ยั้งในช่วงที่ผ่านมา กลเกมการเมืองยามนี้ดูเหมือนจะยิ่งทวีความร้อนแรงมากขึ้นจาก “ศึกกัญชา” ที่ลามจากในสภาออกมานอกสภา
โดยเฉพาะล่าสุดที่ “พรรคเพื่อไทย” เปิดฉากชักธงรบชงเรื่อง “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ กกต. ยุบ “พรรคภูมิใจไทย” กรณีดัน “นโยบายส่งเสริมการปลูกกัญชา” ด้วยข้อกล่าวหา “หลอกลวงประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยม และเข้าสู่การได้อำนาจการปกครองประเทศโดยไม่ชอบ”
ถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายนำไปสู่การยุบพรรค ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92
“ชลน่าน ศรีแก้ว ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เกมยืนยุบพรรครอบนี้เป็น “ดาบสอง” ขยายแผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปมร้อนที่เกิดขึ้นถูกมองว่า ไม่ต่างอะไรกับ “เกมเอาคืน” กันระหว่าง2พรรคการเมือง
เพราะแม้แต่ “สุขุมพงษ์ โง่นคำ” ผู้ช่วยเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังยอมรับว่า “หากเรื่องนี้องค์กรที่เกี่ยวข้องรับเรื่องไว้พิจารณา ผมเชื่อว่ามีโอกาส 50:50 และหากยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง จะทำให้บรรยากาศการเมืองการหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่สนุก เพราะเขาจะไม่สามารถนำนโยบายกัญชาเสรีไปหาเสียงได้อีก”
ยิ่งไปกว่านั้น “สุขุมพงษ์” ยังยอมรับว่า การใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของพรรคการเมือง หรือ นโยบายสำคัญของพรรคการเมือง ถือเป็น “ผลพลอยได้” ที่ส่งผลถึงการดิสเครดิตความนิยมของคู่แข่งทางการเมือง
อันที่จริงศึกกัญชาก็เริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่ กลางเดือนก.ย. หลัง “3พรรคการเมือง” ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ผนึกกดปุ่มโหวต “ถอนร่าง”กฎหมายอ อกจากสภาในท้ายที่สุด ลามเป็นศึกวิวาทะ
โดยเฉพาะ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพูดในทำนองที่ว่า กลเกมที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรกับการรุมกินโต๊ะของบรรดาพรรคการเมือง
สอดคล้องกับ "ศุภชัย ใจสมุทร" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.... ล่าสุดออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า การใช้ประเด็นกัญชาเป็นประเด็นยุบพรรค ไม่ต่างอะไรกับการเล่นงานทางการเมือง
ฉะนั้นหากจะบอกว่า “ประเด็นกัญชา” ที่ “ภูมิใจไทย” พยายามพรีเซนท์ว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพรรค ยามนี้กลาย “ชิ้นปลามัน” ที่ถูกจับจ้องจากทุกพรรคการเมือง ที่อาจผันเป็นคะแนนนิยมให้กับ “นักการเมือง และ พรรคการเมือง”
หากปล่อยผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ไป ย่อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความนิยมของ “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ในพื้นที่ก็คงไม่ผิดสักเท่าไรนัก
วิธีที่ใช้เกมสกัดด้วยการ “เตะตัดขา” ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในสภาฯ หรือ การตรวจสอบนอกสภาฯ ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับศึกชิงพื้นที่ ที่หวังผลได้ในทางการเมืองทั้งสิ้น.