ขุมการเมือง"สาครบุรี" -"ทับสุวรรณvsไกรวัตนุสสรณ์"
การปรากฎตัวของ “ครรชิต ทับสุวรรณ” อดีตส.ส.สมุทรสาคร นำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับระยะเวลาการรับโทษ ขณะเดียวกันท่ามกลางสัญญาณเลือกตั้ง ยังมีการจับตาไปที่สนามการเมือง "สาครบุรี" โดยเฉพาะบทบาทของ2ตระกูลดัง "ทับสุวรรณ" และ "ไกรวัตนุสสรณ์"
ภาพการปรากฎตัวของ “ครรชิต ทับสุวรรณ” อดีตส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ หลังพ้นโทษในคดีใช้อาวุธปืนยิง “นายกฯตุ่น” อุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายกอบจ.)สมุทรสาครจนเสียชีวิต เหตุเกิดในปั้มน้่ำมันแห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาครเมื่อปี 2554
นำมาซึ่งคำถาม ถึงระยะเวลาการรับโทษของอดีตนักการเมืองคนดังเมือง “สาครบุรี” ผู้นี้ที่ เพราะหากนับจากวันที่ศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่12 พ.ย. 2557 พบว่าคดีดังดล่าวซึ่งเป็นเป็นคดีอุกฉกรรณ์ แต่จำเลยกลับได้รับโทษไปเพียง7ปี10เดือน จากเดิมที่ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ข้อสงสัยดังกล่าวได้รับคำชี้แจงจาก "กรมราชทัณฑ์" ว่า ตลอดระยะเวลากุมขัง "ครรชิต" ได้รับการเลื่อนชั้นนักโทษ จนสถานะล่าสุดเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม รวมถึงได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษรวม 5 ครั้ง โทษสุดท้ายเหลือจำคุก 7 ปี 10 เดือน 25 วัน กำหนดพ้นโทษเมื่อวันที่ 3 ต.ต.2565
ผ่านไปกว่า10ปี คดีดังกล่าวยังทิ้งไว้ซึ่งข้อสงสัยถึง“มูลเหตุ”ในการก่อเหตุครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว หรือศึกการเมืองในพื้นที่ระหว่าง2ตระกูลใหญ่คือ “ทับสุวรรณ” และ “ไกรวัตนุสสรณ์”
หากย้อนกลับไปดู “ขุมการการเมือง” จ.สมุทรสาคร พบว่า ทั้งตระกูลทับสุวรรณและไกรวัฒนุสรณ์ ผูกขนาดสนามการเมืองสาครบุรีมาอย่างช้านาน
โดยในส่วนของ “ครรชิต” เป็นลูกชายของ “เอนก ทับสุวรรณ” อดีตส.ส.สมุทสาคร พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรัฐมนตรีหลายสมัย เรียกได้ว่าตระกูลทับสุวรรณผูกขาดการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่ยุคเอนกผู้เป็นพ่อ
การเลือกตั้งครั้งปี 2550 “ครรชิต” รับไม้ต่อจากผุู้เป็นพ่อ ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.สมัยแรก ก่อนรักษาแชมป์ได้อีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2554 โดยชนะ “อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์” จากพรรคเพื่อไทย ลูกชาย “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ และเป็นน้องชายของ"นายกตุ่น" อุดร และ "ปลัดแต" อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตส.ส.สมุทรสาคร พรรคไทยรักไทย ที่เวลานั้นติดโทษแบนจากคดียุบพรรค
ทว่าอนาคตการเมืองของครรชิตกลับต้องสะดุดลงที่ส.ส.สมัยที่2 หลังเป็นส.ส.ได้เพียงไม่นาน เขากลับกลายเป็น “ผู้ต้องหา” ในคดีฆ่าพี่ชายอดีตคู่แข่งของตัวเองจนกระทั่งศาลมีคำตัดสินในที่สุด
ขณะที่ตระกูล “ไกรวัตนุสสรณ์” มี “เฮียม้อ”มณฑล เป็นแม่ทัพใหญ่ โดย“เฮียม้อ” เดิมมีความสนิทสนมกับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่
“เฮียม้อ” ลงสนามการเมืองครั้งแรกในปี2535สังกัดพรรคความหวังใหม่และได้รับการเลือกเป็นส.ส.ติดต่อกันมารวม 4 สมัย รวมทั้งยังเคยดำรงตำแหน่รมว.เกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา
หลังจากนั้นนายมณฑลได้วางมือทางการเมือง ได้ส่งไม้ต่อให้บุตรชาย โดยในส่วนของ “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ เป็นส.ส.สมัยแรกในปี2538 ในนามพรรคความหวังใหม่ ก่อนที่ในปี2544 จะย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย และถูกโทษแบนในคดียุบพรรค ก่อนที่เฮียม้อ ผู้เป็นพ่อจะหวนคืนสนามสมุทรสาครอีกครั้งในฐานะส.ส. พรรคพลังประชาชน
ต่อมาปี 2554 “เฮียม้อ” ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต3 ในนามพรรคเพื่อไทย แต่พ่าย นิติรัฐ สุนทรวร จากพรรคประชาธิปัตย์ เช่นเดียวกับ “อนุสรณ์” ลูกชายอีกคนที่ลงชิงในเขต1 แพ้ครรชิต จากพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ในส่วนของ “ตุ่น อุดร” ลูกชายคนโตลงชิงตำแหน่งนายกอบจ.สมุทรสาครและได้รับเลือก กระทั่งถูกยิงเสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่งเมื่อปี2554
ทำให้ “มลฑล” ผู้เป็นพ่อต้องหวนคืนสนามท้องถิ่นและได้รับเลือกเป็นนายกอบจ.สมุทรสาครในที่สุด
กระทั่งการเลือกตั้งสนามใหญ่เมื่อปี2562 "อนุสรณ์" ซึ่งแต่เดิมสังกัดพรรคเพื่อไทย ย้ายค่ายลงชิงส.ส.ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา แต่ได้คะแนนมาเป็นลำดับ3แพ้ ทองแดง เบ็ญจะปัก จากพรรคอนาคตใหม่
ส่วน “ปลัดแต” ในการเลือกตั้งนายกอบจ.สุมทรสาครเมื่อปี2563 ได้ถอดเสื้อพรรคเพื่อไทย ลงชิงนายกอบจ.ในนาม “ทีมฅนทำงาน” และกำชัยอย่างท่วมท้น
ขณะที่ในส่วนของตระกูล “ทับสุวรรณ” หลังครรชิตต้องคดีความ ในการเลือกตั้งเมื่อปี2562 ในส่วนของ “เอนก” ยังเป็นกำลังเสริมและช่วยปชป. ในการหาเสียง
ส่วนหลานสาวและหลานชายหันไปสวมเสื้อ “รวมพลังประชาชาติไทย” ของ “ลุงกำนัน” ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นพรรครวมพลัง ในส่วนของ “อาย ” อนุสรี ทับสุวรรณ ขึ้นแท่นแกนนำพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ
ขณะที่ “ทนายกันต์” กันต์กวี ทับสุวรรณ อดีตผู้ช่วยส.ส.ครรชิต ลงชิงในเขต2 แต่ไม่ได้รับเลือก เนื่องจากเขตดังกล่าวเกิดการล้มช้างหลัง "สมัคร ป้องวงษ์" ผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคอนาคตใหม่กำชัยในฐานะส.ส.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังการปรากฎตัวของอดีตส.ส.ครรชิต ที่แม้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา98 เขาจะยังคงติดโทษแบนทางการเมือง
แต่ท่ามกลางสัญญาณเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ยามนี้มีการจับตาไปที่สนามเมือง “สาครบุรี”โดยเฉพาะบทบาทของ2ตระกูลดังว่าจะเดินทิศทางใดหลังจากนี้!