จับตาเกมเตะถ่วง “ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ”  รอยร้าว “พรรคร่วม” เร่งปฏิทิน “ยุบสภา"

          สภาผู้แทนราษฎร เตรียมนัดประชุม 2-3 พฤศจิกายน วาระที่ต้องจับตา คือการ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ.... ที่ “กรรมาธิการวิสามัญ” พิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องในวาระสองและวาระสาม

 

          “ประเด็นกัญชา” ถือเป็นการเปิดหน้ารบ ระหว่าง “พรรคภูมิใจไทย” กับ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งผสมโรงกับ “พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชารัฐ” เพราะนโยบายกัญชา คือ สิ่งที่เป็นแต้มต่อ - เพิ่มคะแนนนิยมให้กับ “กลุ่มเนวิน-อนุทิน” เพราะสามารถ ผัน "นโยบายกัญชา” ที่หาเสียงในปี2562 ให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง

          ที่ล่าสุด “พรรคเพื่อไทย” จ้องใช้ “นโยบายกัญชา” สกัดการเติบใหญ่ของ “พรรคภูมิใจไทย” ผ่านการยื่นองค์กรอิสระให้ตรวจสอบ และอาจขยายวงไปถึงการยุบพรรค หากมีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่า แกนนำพรรคภูมิใจไทย ใช้นโยบายลวงเอาคะแนนนิยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อหวังได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่มิชอบ

 

          แม้ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไม่ยืนยันเนื้อหาที่ถ่องแท้ บอกแค่ว่าให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณารายละเอียดเสียก่อน ทว่า เกมจ้องยุบพรรค จากนโยบายหาเสียงนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีความหวังผลที่นำไปใช้เล่นเกมการเมืองในสนามเลือกตั้ง

          ทว่า ปรากฎการณ์ “งัดข้อ” ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” มีมาให้เห็นเป็นระยะทั้งในเชิงพื้นที่ และในเวทีของสภาฯ 

 

          สำหรับประเด็นกัญชานั้น ก่อนหน้านี้ “สภาฯ​“ เสียงข้างมาก ซึ่งผสมโรงกัน 3 พรรค คือ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ” ให้ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกจากระเบียบวาระ เพื่อให้ กรรมาธิการฯ ที่มี “ศุภชัย ใจสมุทร” แกนนำภูมิใจไทย ไปทบทวนเนื้อหาที่ยังไม่รัดกุมและสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดผลกระทบกับสังคม เยาวชน มากกว่าออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

          โดยผลลัพท์ของเรื่องนี้ “กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ” ยืนยันที่จะส่งเนื้อหาที่เคยเสนอให้สภาฯ พิจารณา ซึ่งถูกบรรจุไว้ในระเบียบวาระ แล้ว ส่วนความห่วงใยที่ถูกอภิปรายจาก ส.ส. ในวันที่ 14 กันยายน ที่เป็นเหตุผลซึ่งได้รับการสนับสนุนให้ถอนร่างกฎหมายออกไปนั้น “ศุภชัย” ย้ำว่า ในรายงานของกมธ. นั้น มีเนื้อหาที่เป็นข้อห่วงใย กับร่างกฎหมายจะถูกเติมเนื้อหาเพิ่มเป็น 95 มาตรา สะท้อนให้เห็นถึงความรอบคอบของกมธ. และความพยายามที่จะทำให้ร่างกฎหมายมีความรัดกุม

 

          ต่อเรื่องนี้ กรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นตรงกันว่า “เมื่อกมธ.ที่มีหน้าที่พิจารณา ยืนยันส่งเนื้อหาเดิมเข้าสู่สภาฯ โดยไม่แก้ไข เชื่อว่าความขัดแย้งในการพิจารณากฎหมายนั้นจะยังคงมี และเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ พิจารณาไม่ทันสมัยประชุมที่เหลืออยู่”

 

 

          โดย “สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะวิปรัฐบาล สะท้อนความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น จึงเสนอให้ ผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย หาทางคลี่คลายปัญหา ส่วนฝั่งของพลังประชารัฐ เห็นว่า หากมีปัญหามาก ก็จะดันให้ผ่านวาระสาม และใช้กลไกของวุฒิสภาพิจารณากลั่นกรอง

 

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า หาก “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” คุยกันไม่ลงตัว ความขัดแย้งที่หวั่นเกรง อาจขยายวงไปสู่ความไม่ลงรอยกันในการทำงานร่วมกันฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และอาจลามไปเป็น “ความขัดแย้งในสภาฯ”

 

          และทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ฐานะพรรคคู่แข่ง ได้เปรียบในเกมที่เล่นกันหนักในสภาหินอ่อน

          ฝั่ง “เพื่อไทย”  โดย “สมคิด เชื้อคง” ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ฐานะวิปฝ่ายค้าน เอ่ยปากว่า ทางออกของกฎหมายกัญชานี้ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับ “ฝั่งรัฐบาล” ฐานะเสียงข้างมาก

          "ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ถอนออกไป เมื่อกลับเข้ามาต้องต่อท้ายร่างกฎหมายที่รอพิจารณาอีก 5-6 ฉบับ คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หรือ ต้นเดือนธันวาคม แต่วาระสองที่พิจารณารายมาตราที่มีเกือบ100มาตรา ต้องใช้เวลานาน ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จทันสมัยประชุมที่เหลือหรือไม่” สมคิดระบุ

 

          ทว่าในทางปฏิบัติที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน สัมพันธ์กับปมการเมือง ช่วงใกล้เลือกตั้ง  “สมคิด”  ย้ำว่า หากตั้งต้นเป็นนโยบายต้องยึดสิ่งที่ถูกกำหนดเป็นนโยบายหากบอกว่าใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พรรคเพื่อไทยไม่ขัดข้อง แต่ไม่ใช่เปิดแบบเสรี ไม่มีการควบคุมการเข้าถึงของเยาวชน

 

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ คือ สิ่งที่จะเป็นเครื่องมือยืนยัน “นโยบายหาเสียง” ของพรรคภูมิใจไทย ว่า “พูดแล้วทำ” และ "ทำได้จริง” โดยเฉพาะการทำให้ กัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจ ยกระดับความร่ำรวย ให้ชาวบ้าน จากการได้สิทธิการปลูกกัญชาตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด 

 

          แต่หาก “เกมการเมือง” จ้องสกัดคู่แข่งทางการเมือง ผลที่อาจจะเกิดขึ้น คือ ความขัดแย้ง ทั้งในวงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาจเร่งเกมเร็วเพื่อนำไปสู่ "ยุบสภา” ก็เป็นได้.