มท.1 ฮึ่ม! สั่งสอบเหตุปล้นของกลางยาเสพติด-ปืน สาวถึงใครดำเนินคดีเด็ดขาด
มท.1 ฮึ่ม! สั่งเร่งสอบข้อเท็จจริง เหตุปล้นของกลางยาเสพติด-อาวุธปืน ลั่นสาวถึงใครต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเด็ดขาด หากเจอ จนท.รัฐเอี่ยวฟันไม่เลี้ยง ไม่ละเว้นใคร
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุ ปล้นของกลาง ยาเสพติดและปืนของเจ้าหน้าที่ ใน จ.สงขลา ว่า ได้เร่งขอทราบรายละเอียดไปแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยกระทรวงมหาดไทยส่งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงต้องรอให้ชัดเจนก่อนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และใครมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด เพราะเราเร่งปราบขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดไปโดยจะใช้ทุกมาตรการดำเนินการกับผู้ค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าใครก็ตาม โดยจะทำควบคู่กับไปกับการลดความต้องการไม่ให้คนใหม่เข้าไป และนำคนเก่าไปบำบัดรักษา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขอให้เข้าไปตรวจสอบเพื่อรู้ข้อเท็จจริงก่อน เพราะตำรวจเขาทำและสอบอยู่ ขอย้ำว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ละเว้นใครทั้งสิ้นไม่ว่าใครก็ตาม โดยเฉพาะถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราปราบไม่ได้
เมื่อถามว่า สังคมเกิดข้อสงสัยที่ไม่ปรากฏยาเสพติดของกลางที่จับกุมได้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เกินไปจากตน แต่คงไม่มี ถ้ามีใครไปเกี่ยวต้องไล่กันไป ลงโทษให้เด็ดขาดถึงจะแก้ได้
เมื่อถามย้ำว่า เหตุดังกล่าวต้องเพิ่มความระมัดระวัง และกำลังของฝ่ายปกครองในการปฏิบัติงานหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สั่งการไปแล้ว โดยแนวทางที่จะสู้ ต้องรู้ว่าตรงไหนมีใครไปยุ่งเกี่ยวบ้าง และเวลานี้พยายามหาข้อมูลและหลักฐานทั้งหมด โดยย้ำเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือใครในพื้นที่ต้องมาดู แต่พูดไม่ได้ เพราะถ้าทำเป็นรายชื่อออกมาเดี๋ยวจะมีคนหาว่าไปใส่ความเขา
“เรื่องนี้ละเอียดอ่อนแต่ต้องพยายามทำให้ได้ว่าใครที่อยู่ในข่ายเข้าไปยุ่งเกี่ยวบ้าง มีมาตรการตามกฎหมายอยู่ ส่วนจะไปถึงใครเอาไปทำลายนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีหลักฐานจะได้สิ้นซาก และทุกอย่างต้องทำตามกฏหมายให้ได้
เมื่อถามว่า กฎหมายยังเข้มงวดอยู่ใช่หรือไม่ เพราะดูเหมือนผู้ค้าจะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เรามีหน้าที่ทำตามกฎหมาย นอกกฎหมายเราทำไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายยังไม่พอต้องไปแก้กฎหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว