ปัดอยากดัง! “มงคลกิตติ์” ขอ กกต.จัดว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยา บริจาคช่วยน้ำท่วม
“เต้ มงคลกิตติ์” เอาจริง! ยื่น กกต.ขออนุญาตจัดงานว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยา เปิดรับเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย “น้ำท่วม” เกรงผิดกฎเหล็ก 180 วันก่อนหมดวาระสภา ลั่นทำเพราะอยากช่วยประชาชน ไม่ได้อยากดัง
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอหารือปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติ ในการจะจัดการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยหัวใจ ด้วยตัวเปล่า กางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว ไป-กลับ ใน วันที่ 8 พ.ย. 2565 วันลอยกระทง เพื่อหารายได้ช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมชื่องานว่า "ONE MAN ON CHAOPHRAYA RIVER”
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ตามที่ประธาน กกต. ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเกณฑ์การหาเสียงช่วง 180 วัน ก่อนสภาครบวาระ ในวันที่ 23 มี.ค 2566 นั้น เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดเหตุการณ์วาตภัย ส่งผลให้ประชาชนหลายพื้นที่ในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพ เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ อีกทั้งยังประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย บ้านเรือนเสียหายจากน้ำท่วม อาหารน้ำสะอาดที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค และยารักษาโรค ในฐานะ ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่อาจทนเห็นพี่น้องประชาชนลำบากได้ จึงมีความประสงค์ที่จะทำการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว แต่เกรงว่าการกระทำจะขัดกับระเบียบและกฎหมายที่กล่าวมาในข้างต้นและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ กกต.วินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวว่า ในฐานะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ และในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ปี 2566 สามารถดำเนินกิจกรรม ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ได้หรือไม่ และ สมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรค ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2566 สามารถดำเนินกิจกรรมเช่นเดียวกับตนได้หรือไม่
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินกิจกรรมได้มีการเปิดรับบริจาคในนามของ บุคคล องค์กร หรือมูลนิธิอื่นๆ ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่รับบริจาคหรือเส้นทางการเงินที่รับบริจาคและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการการส่งมอบเงินหรือสิ่งของต่างๆให้แก่ผู้ประสบภัย แต่อย่างใด สามารถกระทำได้หรือไม่ ซึ่งตามปัญหาที่ได้สอบถามเพื่อขอคำวินิจฉัยในข้างต้น หากสามารถที่จะกระทำได้โดยไม่มีความผิดกฎหมายการเลือกตั้งหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรวดเร็วในการเข้าถึงปัญหาและสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้ ขอทราบผลการวินิจฉัยภายใน 15 วัน
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า การที่มาขออนุญาต เพราะขณะนี้มีข้อกำหนดเรื่อง 180 วันอยู่ ที่ให้ ส.ส.ร่วมบุญงานกฐินได้ มีชื่ออยู่ในซองได้ เว้นแต่ห้ามจ่ายเงิน ตนจึงเห็นว่าเรื่องนี้เทียบเคียงกับการที่ตนจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วรีบบริจาคเงิน ผ่านไปยังมูลนิธิต่างๆ เช่น ร่วมกตัญญู ปอเต็กตึ้ง และ มูลนิธิของบุ๋ม-ปนัดดา ตนจึงเทียบเคียงกับการเป็นประธานกฐิน แต่เงินบริจาคไปที่มูลนิธิ และตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง รวมทั้งจะไม่ไปยุ่งว่าจะเอาเงินไปช่วยพื้นที่ไหน จึงอยากขอให้ กกต.พิจารณาว่าทำได้หรือไม่
“เมื่อเงินช่วยเหลือของรัฐบาลมีน้อย เราเป็น ส.ส.ก็นิ่งเฉยอยู่ไมได้ ก็ต้องหาช่องทางด้วยการออกแรง เพราะเราให้เงินไม่ได้ ใช้ชีวิตเข้ามาแลก เพราะผมมองว่าการเสี่ยงภายในการว่ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เสียง เพราะน้ำลึก แต่คนที่เสียงกว่าผมก็คือประชาชนที่จมอยู่ในน้ำ 2- 3 เมตร หรือบ้านขวางทางน้ำ ทั้งที่น้ำเชี่ยวมาก ต้องอยู่อย่างนั้น เมื่อประชาชนเสี่ยง ผมในฐานะผู้แทนประชาชนจะไม่เสี่ยงก็จะเป็นผู้แทนไปเพื่ออะไร จึงต้องมายื่น กกต. ผมเข้าใจว่า กกต.ต้องยึดตามระเบียบ กฎหมาย กกต. กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และ กฎหมายพรรคการเมือง แต่ทุกอย่างต้องมีวิธีการที่จะทำให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชน 4-5 ล้านคนที่เดือดร้อนอยู่ กกต.จะใจไม้ใส้ระกำ อะไรที่มีช่องให้ประชาชนไปต่อและเดือดร้อนน้อยลง อยากให้ กกต.เร่งพิจารณาภายใน 3 วันตอบคำถามผม” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะเป็นการเข้าข่ายหาเสียงทางอ้อมหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า โดยปกติพรรคการเมืองต้องช่วยเหลือประชาชน เป็นตัวแทนประชาชน มันต้องหาเสียงอยู่แล้ว การที่รับบาลลงพื้นที่ ทุกอย่างรัฐบาลก็หาเสียงอยู่แล้ว อย่างที่รองนายกฯอนุทินไปอ่างทอง ขนคน 200 คน รถนำขบวนและส่วนราชการมาเหมือนยกกระทรวงมาก แต่มีถุงยังชีพมาแค่ 200 ส่วนตนไปแค่ 5 คน และสุดท้ายก็ฝากส่วนราชการดูแล คล้ายกับนายกฯลงพื้นที่นนทบุรี เขาเดือดร้อนกันเป็นหมื่นคน ก็ฝากให้นายก อบจ. เทศบาล ดูและ ซึ่งเหมือนการส่งต่อ อันนั้นคือการหาเสียงหรือไม่
“การเป็นการพรรคการเมือง เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนก็ต้องหาเสียง ถ้าประชาชนชื่นชอบ เขาก็เลือกเอง การหาเสียงมีหลากหลาย รูปแบบหนึ่งเอาชีวิตและความสามารถเข้าแรก สองคือไปโกงเงินเขามาแล้วมาซื้อประชาชน ไปจ้างประชาชนมาเลือก ถ้าเอาสมอง สติปัญญาเข้าแลก ก็จะใช้เงินน้อย เพราะเราขี้เกียจไปคอร์รัปชั่น” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
เมื่อถามว่า อยากดังเหมือนโตโน่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะเรื่องดังตนดังมานานแล้ว แต่การดังแล้วเป็นประโยชน์กับส่วนรวมถือเป็นเรื่องดี อย่างโตโน่ก็ถือว่าดีในการช่วยโรงพยาบาล แต่ส่วนตนเห็นว่าเรื่องจำเป็นเร่งด่วนคือประชาชนที่ติดอยู่กับน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นหนังสือช่วงเช้าแล้ว ในช่วงบ่ายนายมงคลกิตติ์ จะไปหารือกรมเจ้าท่าในการขออนุญาต และดูกระแสน้ำ ในพื้นที่