“นายกฯ” วางศิลาฤกษ์ สร้างสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 5 เดินหน้ารถไฟไทย - ลาว - จีน
“ประยุทธ์” ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) บอก คนอีสานเข้าใจวันนี้ยังมีปัญหา รัฐบาลพร้อมดูแล ก่อสร้างสะพาน แห่งที่ 6 ก่อน ถกทวิภาคี นายกฯ สปป.ลาว ต่างยินดี พร้อมเดินหน้ารถไฟไทย - ลาว - จีน ร่วมหารือใกล้ชิดลดอุปสรรค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 เพื่อเป็นประธานร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ (Groundbreaking Ceremony) โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ณ จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
ในการเดินทางครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญฝ่ายไทยร่วมงานด้วย ดังนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ฝั่งไทย ณ จังหวัดบึงกาฬ นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชนที่มาร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวทักทายประชาชนที่มาร่วมงาน และรอต้อนรับ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณประชาชนชาวบึงกาฬทุกคน ยินดีที่เห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย โดยเข้าใจดีว่าทุกวันนี้ยังมีปัญหาอยู่บ้าง รัฐบาลพร้อมดูแล และให้ความช่วยเหลืออย่างรอบด้าน ทั้งด้านอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงระบบน้ำ โดยยินดีที่ได้มาวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย- ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) ณ แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในวันนี้ และขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องสะพานแห่งที่ 6 พร้อมที่จะช่วยเหลือดูแลชาวบึงกาฬในวันนี้ได้เอาหัวใจ ความคิดถึง ความรักชาวกรุงเทพฯ มาด้วย ซึ่งยืนยันว่าคนไทยจะไม่ทิ้งกัน
จากนั้น นายกฯ พร้อมคณะได้ลงเรือข้ามแม่น้ำโขงไปยังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อร่วมพิธีฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) แล้วเสร็จ จะทำให้เกิดการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจบริเวณด่านชายแดนฝั่งจังหวัดบึงกาฬ และชายแดนฝั่งแขวงบอลิคำไซ ให้เป็นอีกหนึ่งประตูการค้าที่สำคัญ ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับ สปป. ลาว ทำให้การขนส่งสินค้าจากไทยไปสู่ตลาดจีนตอนใต้คล่องตัวขึ้น โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬ อีกทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า จากไทยไปสู่ตลาดในจีนตอนใต้ และเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากภาคกลางของ สปป.ลาว สู่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังของไทยเพื่อส่งออกทางทะเลต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว ยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศให้มีความใกล้ชิด และเดินทางไปมาหากันได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เปิดเส้นทางท่องเที่ยว 3 ประเทศ “ไทย-ลาว-เวียดนาม” ภายหลังการคมนาคมเชื่อมโยงถึงกัน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือทวิภาคีกับนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ซึ่งภายหลังการหารือ นายอนุชา เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ
นายกฯ ยินดีที่ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 ซึ่งเป็นไปตามที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ที่ไทย เชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้จะเป็นอีกช่องทางให้ประชาชนตามแนวชายแดนไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีสะพานแห่งอื่นๆ เพิ่มอีก และขอให้ดูแลคนไทยในประเทศลาว ซึ่งคนไทยก็จะดูแลคนลาวในไทยเช่นกัน
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งในวันนี้ ไทย-ลาว มีสะพานเชื่อมโยงแต่ถึงจะไม่มีสะพานคนไทย-คนลาวก็มีใจเชื่อมใจ ขอให้จดจำถ้อยคำ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่พึ่งพาถ้อยอาศัยระหว่างสองประเทศ “กินข้าวร่วมนา กินปลาร่วมน้ำ”
นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่แสดงถึงความเป็นมิตรที่ใกล้ชิด และยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของประเทศ และประชาชนทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และจะเป็นสะพานที่เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ทั้งสองประเทศ เนื่องจากจะเป็นทางเลือกการขนส่งระหว่างไทยกับ สปป. ลาว รวมทั้งส่งเสริมการขนส่งเส้นทางหมายเลข 8 (R8) ระหว่างไทย–ลาว–เวียดนามให้สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนของประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบรางของไทยกับรถไฟลาว – จีน นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายพร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อลดอุปสรรคในการขนส่ง และใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีให้เต็มที่ ซึ่งต้องการเห็นความคืบหน้า อำนวยความสะดวก ขจัดอุปสรรคต่างๆ
ในโอกาสนี้ ภายหลังการหารือนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ได้กล่าวแสดงความยินดี และความร่วมมือโครงการฯ ยินดีและเป็นเกียรติ ที่ได้มาร่วมงานที่มีความหมายเป็นสิริมงคลในวันนี้การก่อสร้างนี้เป็นความพยายามมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนทั้งสองฝั่ง การขนส่ง ส่งเสริมการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว สนับสนุนการพัฒนาในทั้งสองประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด ของประเทศ และประชาชน และในตอนท้ายได้อวยพรให้สองประเทศเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์