เปิดตัวละครลับ “ประวิตร-ทักษิณ” เพื่อไทยประชารัฐ
คอลัมน์ : มังกรซ่อนพยัคฆ์ โดยประชา บูรพาวิถี / บ้านป่า-บ้านจันทร์ “ประวิตร” เดินเกมผูกมิตร “ทักษิณ” ผ่านตัวละครคนใกล้ชิดขั้วอำนาจเดิม ศิษย์เก่าไทยรักไทย ในค่ายป่ารอยต่อฯ คึกคัก รับสัญญาณจับขั้วใหม่
ความเคลื่อนไหวของประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ ส่ออาการแปลกๆ มีความใกล้ชิดกับตัวละครการเมืองในฟากฝ่ายบ้านจันทร์ส่องหล้ามากขึ้น
วันที่ 28 ต.ค.2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จูงมือ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจราชการคลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร โดยมีเจ้าบ้าน กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นำชาวบ้านมาต้อนรับ
จริงๆแล้ว คนในเขตพระนครรู้ว่า เลือกตั้งสมัยหน้า ส.ส.กานต์กนิษฐ์ จะย้ายไปพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ทราบเรื่องแล้วเช่นกัน
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) ร่วมกับนายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว
ดังที่รู้กัน บึงกาฬคือป้อมค่ายของภูมิใจไทย สะพานข้ามโขงแห่งใหม่ถือผลงานชิ้นโบแดงของพรรค ฉะนั้น อนุทิน ชาญวีรกูล ,ศักดิ์สยาม ชิดชอบ และทรงศักดิ์ ทองศรี จึงร่วมกันจัดงานครั้งนี้อย่างอึกทึกครึกโครม
มีข้อสังเกต พี่น้อง 2 ป. เริ่มมีเส้นทางเดินที่คู่ขนานกันมากขึ้น พี่ใหญ่ไปใกล้ชิดทางฝั่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ส่วนน้องเล็กก็ขยับไปแนบแน่นกับฝั่งบ้านใหญ่บุรีรัมย์
ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งสัญญาณจะขอกลับเมืองไทยมาเลี้ยงหลานถี่ขึ้น ผ่านรายการแคร์ทอล์ค และหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่
ธงนำทักษิณกลับบ้าน
วันอังคารที่ 25 ต.ค.2565 โทนี่ วู้ดซั่ม หรือ ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกผ่านรายการแคร์ทอล์คว่า “ตอนนี้ผมมีหลานแล้ว 6 คน เลยอยากกลับไปเลี้ยงหลาน ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว ได้กลับแน่”
พลิกไปอ่านหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought ที่ว่าขายดีในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ก็มีคำให้สัมภาษณ์ทักษิณ และคุณหญิงพจมานที่ย้ำว่า มีเวลาเหลือไม่มาก ทักษิณจึงอยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน
ด้วยเหตุนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย จึงเปิดประเด็นจับขั้วเพื่อไทย-พลังประชารัฐทิ้งฝ่ายประชาธิปไตยหน้าตาเฉย เริ่มจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกเงื่อนไขร่วม พปชร.ได้ แต่ต้องไม่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์
การแบไต๋จับขั้วแต่ไก่โห่ จึงตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เพื่อไทยคงประเมินแล้วว่า แคมเปญเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ที่สำคัญ พรรคก้าวไกล กลายเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงของแลนด์สไลด์เพื่อไทย อย่างล่าสุดนิด้าโพล เผยผลสำรวจคนกรุงเทพฯ 50 เขต พบว่า คนเมืองหลวงสนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ มากเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 20.40 ส่วนแพทองธาร ชินวัตร หล่นไปอยู่อันดับสาม ร้อยละ 14.10
เลือกตั้งปี 2562 พรรคอนาคตใหม่เป็นตัวตัดแต้มพรรคเพื่อไทย เพราะมีฐานเสียงเดียวกัน และในวันที่เปลี่ยนเป็นพรรคก้าวไกล ก็ยิ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทยในทุกสนาม
การที่พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายแบบทะลุฟ้า-พร้อมชน เช่นแก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็เป็นการดึงฐานเสียงคนรุ่นใหม่ คนรุ่น Gen Y Gen Z โดยตรง
ทักษิณ ชินวัตร ทราบเงื่อนไขการกลับประเทศไทยดีอยู่แล้วว่า มีอะไรบ้าง ดังนั้น เพื่อไทย-ก้าวไกล จึงมิอาจจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้หลังเลือกตั้ง
สายน้ำไหลกลับ
มีรายงานข่าวว่า ศิษย์เก่าไทยรักไทย สายเหนือตอนล่างอ่านใจของทักษิณและแกนนำเพื่อไทย คงอยากจับมือกับพรรคการเมืองที่มีความยืดหยุ่น พูดคุยกันได้ และคนในพรรคนั้น ก็มีความคุ้นเคยกับทักษิณและคนเพื่อไทย
พรรคพลังประชารัฐ จึงตอบโจทย์ทักษิณ เพราะสันติ พร้อมพัฒน์ ยังมีเยื่อใยกับบ้านจันทร์ส่องหล้า ส่วนเรื่องปัญหาคาใจกับเฮียเพ้ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทำนองเดียวกัน สมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อาจจะมีเรื่องบาดหมางกับทักษิณ-เจ๊แดงในอดีต แต่หากผลประโยชน์การเมืองลงตัว ก็ไม่มีปัญหา
เหนืออื่นใด หลังเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบัน รวมเสียงได้ไม่เกิน 250 เสียงแน่ๆ พลังประชารัฐ คงเป็นพรรคอันดับสาม รองจากพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เพื่อไทยกับพลังประชารัฐจะจับมือตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น ก็มีแค่เงื่อนไขเดียวคือ ไม่เอาประยุทธ์
ว่ากันตามเกมอำนาจในชั่วโมงนี้ ศิษย์เก่าไทยรักไทย สายเหนือตอนล่างที่อยู่ในค่ายบ้านป่ารอยต่อฯ พร้อมจะร่วมมือกับนายใหญ่ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการโยกมาอยู่เพื่อไทย กรณีที่ 2 ป.ไม่ลงตัว หรือรอจับมือกันหลังเลือกตั้ง
ดูไบ-บ้านป่ารอยต่อ
สำหรับความเคลื่อนไหวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจ ยังไม่ได้ข้อสรุป จะไปเพื่อไทยเจอแรงต้านเยอะ จึงมีข่าวว่า ลุงป้อมจะดึงกลับพลังประชารัฐ มาลุยงานมวลชนแบบถึงลูกถึงคน
เรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส จะลงเอยแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขลุงตู่ จะไปต่อแบบไหน อยู่พลังประชารัฐ หรือไปรวมไทยสร้างชาติ
อีกด้านหนึ่ง มีแรงกระเพื่อมที่ชายขอบเมืองหลวง ด้านตะวันออก เมื่อ พล.อ.ประวิตร เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล้วนเป็นคนในสังกัดของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี
วันที่ 6 ต.ค.2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ของปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อมข้าราชการในจังหวัดมารอต้อนรับอย่างคึกคัก
ที่น่าสนใจ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , ปรีชา ชื่นชนกพิบูล เลขานุการ อบจ.ปทุมธานี และทีมนักการเมืองท้องถิ่น ก็มาคารวะลุงป้อมโดยพร้อมเพรียงกัน
วันนั้น สื่อบางสำนักรายงานข่าวว่า มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ อย่างเช่น เสวก ประเสริฐสุข อดีตรองนายก อบจ.ปทุมธานี ,เกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีต ส.ส.ปทุมธานี และคิว อรุโณรส นายกสมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี
วันที่ 7 ต.ค.2565 ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยมี เสวก ประเสริฐสุข ให้การต้อนรับ
เสวก ประเสริฐสุข เพิ่งยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรองนายก พร้อมกับลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐ ที่บ้านป่ารอยต่อฯ เช่นเดียวกับ เกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีต ส.ส.ปทุมธานี ได้ลาออกจากที่ปรึกษาพิเศษนายก อบจ.ปทุมฯ ไปอยู่ พปชร.
คอการเมืองปทุมฯ รู้ดีว่า ตอนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดตัวลงสนามชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานีนั้น มี เสวก ประเสริฐสุข อดีตนายก อบต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโลก เป็นกำลังหลัก ร่วมกับเกียรติศักดิ์ ส่องแสง ที่ลาออกจาก ปชป.มาช่วยบิ๊กแจ๊ส
เมื่อบิ๊กแจ๊ส ได้เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี จึงได้ตั้งเสวก เป็นรองนายก อบจ. และเกียรติศักดิ์เป็นที่ปรึกษาพิเศษ พร้อมกับพาสองคนนี้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ไปเวทีเสื้อแดงปทุมฯที่ไหน บิ๊กแจ๊สได้ประกาศว่า เสวก และเกียรติศักดิ์ จะลงสมัคร ส.ส.ปทุมธานี ในสีเสื้อเพื่อไทย โดยนายใหญ่ดูไบก็ไฟเขียว แต่กลับเจอไฟแดงจากแกนนำเพื่อไทย ที่เลือก ส.ส.เก่าเจ้าของพื้นที่ลงสนาม ไม่เปิดทางให้เด็กบิ๊กแจ๊ส
ทั้งเสวก และเกียรติศักดิ์ จึงวิ่งไปซบบ้านป่ารอยต่อ ท่ามกลางความประหลาดใจของกองเชียร์บิ๊กแจ๊ส และคนเสื้อแดงปทุมฯ
หากสวมเสื้อเพื่อไทยลงสนามไม่ได้ เหตุใดคนสนิทบิ๊กแจ๊ส จึงเลือกพลังประชารัฐ พรรคที่รู้กันอยู่แล้วว่า สืบทอดอำนาจ 3 ป.ในสายตาชาวบ้าน
ยกเว้นบิ๊กแจ๊ส อาจรู้ล่วงหน้าว่า พี่ใหญ่บ้านป่ารอยต่อฯ กับน้องเล็กจะแยกทางกันเดิน พปชร.โดยการนำของลุงป้อม ก็จะมีสภาพไม่ต่างจากพรรคพี่พรรคน้องกับเพื่อไทย
กรณีของธรรมนัส-เพื่อไทย หรือบิ๊กแจ๊ส-บ้านป่ารอยต่อ ล้วนดำเนินไปในทิศทางการเมืองของทักษิณ 3 ข้อคือ 1.อยากกลับเมืองไทย คิดถึงอนาคตของหลาน 2.ให้อภัยศัตรูหรือคู่ปรปักษ์ทางการเมือง 3.สงสารคุณหญิงพจมาน ที่ต้องแบกทุกเรื่อง