"พิธา" ชี้ เพื่อไทย จับขั้ว พปชร. ยังเป็นสมมุติฐาน ยัน ก้าวไกล ไม่ร่วมสังฆกรรม
"พิธา" ชี้สูตร เพื่อไทย จับขั้ว พปชร. ยังเป็นเพียงสมมุติฐาน ยัน ก้าวไกล ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการ ชี้ อุดมการณ์ต่างกัน
5 พ.ย.2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางพรรคการเมืองถ้าพรรคเพื่อไทย จับขั้วกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม พรรคก้าวไกลจะสามารถร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ ว่า ไม่วิจารณ์พรรคเพื่อไทยเพราะพรรคของตนคือพรรคก้าวไกล ซึ่งสิ่งที่ควบคุมได้ก็คือการเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอานโยบายที่ถูกต้อง และมีเงื่อนไขที่อยู่บนโต๊ะให้ประชาชนได้ทราบ เพราะตนต้องการผลักดันนโยบายที่เป็นลายเซ็นของตน ที่ต้องการผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมกันในเศรษฐกิจ ต้องทำสุราก้าวหน้าให้ผ่าน รวมถึงเรื่องสมรสเท่าเทียมซึ่งต้องทำให้ได้ สวัสดิการจะเกิดได้ต้องมีการปฏิรูปกองทัพ
ทั้งนี้ยังไม่มีการหารือกับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร ถึงเวลาถ้าคณิตศาสตร์การเมืองผลมันออก มีใบสั่งจากประชาชนแล้วว่าต้องทำอย่างไร เดี๋ยวเราต้องค่อยว่ากันว่าเงื่อนไขคืออะไร ก็ต้องคุยกันในคืนวันที่ผลเลือกตั้งออก
"การร่วมกับพรรคพปชร.เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อุดมการณ์ต่างกันและสืบทอดจากอำนาจเผด็จการ ตอนนี้มันฟันธงแบบนั้นไม่ได้ แต่สามารถพูดได้ว่าจะร่วมงานกับใครเอาเงื่อนไขมาเป็นตัวตั้งไม่มีการเจรจาใต้โต๊ะ ก็ต้องรู้ว่าเงื่อนไขของเรามีอะไรที่ยอมได้หรือไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็พูดได้ว่ามันมีพรรคการเมืองที่มาจากระบบรัฐประหารการสืบทอดอำนาจที่เราไม่มีวันเข้าร่วมอย่างแน่นอน ส่วนตรงกลางเราต้องดูอีกทีว่ามันเป็นอย่างไรเพราะเราต้องอยู่กับความเป็นจริงในทางการเมือง แต่ที่แน่ๆถ้ามาจากการสืบทอดอำนาจไม่ได้มาจากประชาชน มีการคอร์รัปชัน เราไปด้วยไม่ได้อยู่แล้ว" นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นสมมติฐานที่ไม่ต้องไปถึงขนาดนั้นเพราะตนก็ยังไม่เห็นความชัดเจนจากทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนก็ยินดีกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ร่วมงานกับพรรคพปชร. ส่วนมีสูตรการจับขั้วอย่างไรเป็นสมมติฐานที่อยู่ไกลเกินกว่าหัวหน้าพรรคอย่างตนตอบให้เป็นประเด็นการเมืองต่อไปได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจแยกตัวจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รวมไทยสร้างชาติ จะลดทอนเรื่องของการตัดสินใจที่จะร่วมกับพรรคเพื่อไทย พปชร. นายพิธา กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ แต่ทำงานกันไม่ได้แน่นอน เป็นนายกคนละครึ่งแบบนี้ และอยู่ได้แค่ 2 ปีแบบนี้ เหมือนยาหมดอายุ ที่หมดอายุไปนานแล้ว แต่ขอเพิ่มอีก 2 ปีซึ่งพออยู่บนหิ้งฤทธิ์ยาก็ไม่มีประสิทธิภาพในการพูดให้คนฟังหรือตัดสินใจที่จะทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือข้าราชการ ส่วนจะรักษาอำนาจได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของเขา แต่บริหารไม่ได้เป็นเรื่องที่แน่นอน