“สุพันธุ์” นำทีมไทยสร้างไทย ลุยตลาดยิ่งเจริญ ชูแก้หนี้ฐานราก-ดันรถEV
“สุพันธุ์” นำทีมไทยสร้างไทย ลุยตลาดยิ่งเจริญ คุยแท็กซี่-วินมอเตอร์ไซค์ ชูนโยบายแก้หนี้ฐานราก-ผลักดันรถสาธารณะ EV
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่สำรวจหนี้ในระบบและนอกระบบ ที่ตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธิน ร่วมกับ ดร. สมชาย เวสารัชตระกูล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตสายไหม นายวิกรม ธรรมวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ก. เขตบางเขน นายประเวศร์ วัลลภบรรหาร กรรมการบริหารพรรค และนายภัทรดนัย ใหม่พระเนตร กรรมการบริหารพรรค ร่วมรับฟังปัญหาหนี้สินของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ขับขี่แท็กซี่ พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนบริเวณตลาดยิ่งเจริญ โดยมี นายเกรียงไกร แก้วเกตุ ประธานสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย และนายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างไทย เป็นตัวแทนสะท้อนปัญหา
นายเกรียงไกร อธิบายว่า ปัญหาหนี้สินของคนขับแท็กซี่ หนี้สินของแท็กซี่ไม่ใช่เรื่องยากแต่ทุกคนไม่ทำ ปัญหาของแท็กซี่โดยตรงคือต้นทุนของรถที่มีราคาสูงกว่าล้านสามแสนบาทต่อปี ภาษี ประกันภัย ราคาแพง หมื่นกว่าบาทต่อปี โดยเฉพาะปัญหาดอกเบี้ยที่รถบ้านทั่วไปหลายๆเจ้าได้ดอกเบี้ยต่ำมากตั้งแต่ 0% ไม่เกิน 7% แต่ดอกเบี้ยรถแท็กซี่ ไม่มีต่ำกว่า 9% เลย เวลาจะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ก็ยุ่งยาก เพราะต้องหาคนค้ำประกัน หรือ หาหลักทรัพย์มาค้ำประกัน แต่สำหรับคนขับแท็กซี่เป็นไปได้ยากมากที่จะหาคนค้ำประกัน รวมถึงในช่วงโควิดที่ผ่านมาก็มีปัญหาหลายคนเพิ่งไปซื้อรถมาใหม่ แต่พอติดมาตรการรัฐต่างๆ ก็ทำให้ติดเครดิตบูโร จนตอนนี้หลายคนก้ยังไม่หลุดจากบูโร และ ถ้าวันไหนไม่สามารถหาเงินมาได้ตามเป้า ก็ต้องไปกู้ยืมหนี้นอกระบบ
นายเฉลิม อธิบายว่า ปัจจุบันมีผู้ขับขี่จักรยานต์รับจ้างกว่า 200,000 คน แต่ละวันมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 100-200 ล้านบาท จากกิจการนี้ ในแต่ละวันหาเงินได้ 600-700 บาท ดูตัวเลขเหมือนจะเยอะ แต่จริงๆไม่ได้เยอะ เพราะต้นทุนในการประกอบกิจการค่อนข้างสูง รวมทั้งคนจำนวนมากก็มาจากต่างจังหวัด เงินจึงถูกจ่ายออกไปสองทาง คือเลี้ยงดูตัวเองที่อยู่ที่นี่ และเลี้ยงดูลูกหลายนที่อยู่ต่างจังหวัด ในประเด็นของหนี้นั้น ในวินของตนมีคนประมาณ 300 คน ทุกวันนี้กู้นอกระบ กว่าร้อยคน และ ดอกเบี้ยในระบบเองก็สูงเช่นกัน โดยเฉพาะดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ที่สูงกว่ารถแท็กซี่เสียอีก
ดร.สมชาย กล่าวว่า ในเขตสายไหมที่ตนอยู่ ปัญหาหนี้เป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้นอไปทุกย่อมหญ้า โดยเฉพาะหนี้นอกระบบที่ตนมักจะมีชาวบ้านโทรมาขอความช่วยเหลือให้ไปพูดคุยกับเจ้าหนี้ หรือ ต้องไปโรงพักไกล่เกลี่ยปัญหาทวงหนี้ต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง จึงคาดหวังให้มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
นายวิกรม เล่าว่า ตนเองคุ้นเคยกับปัญหาหนี้นอกระบบในตลาดดี เพราะตนเองเติบโตมากับตลาดแห่งนี้ เห็นพ่อค้าแม่ขายต้องกู้เงินนอกระบบอยู่เสมอ เท่าทีตนพูดคุยมา เหตุผลที่คนในตลาดต้องกู้เงินนอกระบบเป็นเพราะ กู้ง่าย ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และกู้ซ้ำได้ แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นก็คือ ดอกเบี้ยที่แพง และการทวงถามหนี้ที่มักจะเกินกว่าเหตุอยู่เสมอ
นายสุพันธุ์ เสนอทางออกต่อปัญหาเหล่านี้ว่า ตนเข้าใจปัญหาของแท็กซี่และคนขับจักรยานยต์รับจ้างว่า หนี้ก้อนแรกที่เจอ คือหนี้ในระบบที่เป็นต้นทุนค่ารถที่ดอกเบี้ยแพง และพอขาดส่งในช่วงโควิดก็ทำให้ติดเครดิตบูโร จากนั้นก็เริ่มเป็นหนี้นอกระบบเพราะต้องหาเงินมาหมุน ตนและพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบาย ที่จะช่วยเรื่องหนี้ทั้งในระบบ และ นอกระบบ โดยหนี้ในระบบมีกองทุนเครดิตบูโร ที่จะช่วยเคลียร์ดอกเบี้ยเครดิตบูโรให้ เพื่อที่จะสามารถนำหนี้ไป รีไฟแนนซ์ และ กู้เพิ่มได้ เป็นการคืนโอกาสในการกู้เงินให้กับประชาชน และ อีกกองทุนหนึ่งคือกองทุนเครดิตประชาชนหรือ เงินด่วนประชาชน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป กู้เงินได้ 5,000 – 50,000 บาท โดยผ่อนชำระเป็นรายวัน และ ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน
นอกจากนี้นายเฉลิมและนายเกรียงไกร ยังได้พูดถึงการที่จะนำรถไฟฟ้า EV เข้ามาใช้แต่ติดปัญหาราคาต่างๆ โดยนายสุพันธุ์ได้อิบายว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและตนมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้รถขนส่งสาธารณะ เป็นฟ้าอยู่แล้ว เพราะจะช่วยเรื่องต้นทุนของผู้ประกอบการได้มากขึ้น เมื่อลดต้นทุนลงได้ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการมีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น และ วันนี้มาหากินได้ตนถือว่าได้รับการบ้านจากพี่น้องผู้ประกอบการ ไปคิดเรื่องใบอนุญาตและค่าทำเนียมต่างๆ ที่สร้างอุปสรรคให้กบการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ที่เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่จะแขวนกฎหมายเหล่านี้เพื่อให้คนตัวเล็กทำ