“ยุทธพงศ์” ให้คะแนนรัฐบาลแค่ศูนย์ 3 ปี “ประยุทธ์” แก้ทุจริต-ธุรกิจสีเทาเหลว
“ยุทธพงศ์ เพื่อไทย” ให้คะแนนผลงานรัฐบาลแค่ศูนย์ ชี้ 3 ปี “ประยุทธ์” ล้มเหลวแก้ปัญหาทุจริต-ธุรกิจสีเทา-ยาเสพติด แนะ กทม.โอนหนี้-ทรัพย์สินส่วนต่อขยาย “รถไฟฟ้าสีเขียว“ ช่วงหมอชิต-แบริ่ง คืน รฟม. ยันปัญหานี้เกิดก่อน “ชัชชาติ” นั่งผู้ว่าฯ กทม. ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงธุรกิจสีเทาของกลุ่มทุนจีน ที่มีการขยายผลจับกุม และพบว่าได้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองใหญ่ว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบที่มาของเงินว่าได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย หรือจากธุรกิจสีเทาหรือไม่ ไม่ใช่ปล่อยให้เงียบหาย การมีกลุ่มธุรกิจจีน 5 กลุ่มเกิดขึ้น สะท้อนว่าปัญหาทั้งหมดยังมีระบบส่วยอยู่เต็มไปหมด และแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชันและยาเสพติด
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ธุรกิจจีนสีเทากรณีนี้ มีหลักฐานชัดเจนว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รับส่วย และยังมีธุรกิจสีเทาชาติอื่น ๆ อีก คนที่ควรออกมาชี้แจงเรื่องนี้คือ พล.อ ประยุทธ์ ที่ขณะนี้ได้แจกหนังสือรวมผลงานรัฐบาล 3 ปี ให้ส.ส.ได้รับทราบ แต่สำหรับตนนั้น ตนให้คะแนนการแก้ปัญหาเท่ากับศูนย์ เพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารงาน เป็นปีที่ 8 ยังจัดการปัญหาทุจริตคอรัปชันไม่ได้ จึงไม่ควรจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
- แนะ กทม.โอนหนี้ส่วนต่อขยาย รฟฟ.ส่วนต่อขยายคืน รฟม.
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาการต่อสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ที่ “บีทีเอส” ขึ้นป้ายทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาทจาก กทม.ว่า เรื่องดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้เคยอภิปรายคัดค้านมาแล้ว 3 ครั้ง แต่การแก้ไขยังไม่คืบหน้า โดยปัญหาดังกล่าวสืบเนื่องมานาน และการก่อสร้างส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต ไปแบริ่ง สมุทรปราการ ซึ่งอยู่นอกเขตอำนาจ กทม.ทำให้กทม.ไม่สามารถอนุมัติเบิกจ่ายเงินได้ เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่เป็นเจ้าภาพดำเนินการ แต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบให้ กทม.วิ่งรถแทน รฟม. และ กทม.ได้ไปจ้างกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทลูก กทม. ได้มีการไปจ้างบีทีเอสดำเนินการต่อ ทั้งที่เป็นทรัพย์สิน รฟม.โดยให้วิ่งรถไปถึงปี 2585 โดยวิธีพิเศษไม่มีการประมูล ไม่ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ทั้งนี้มูลค่าหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ส่วนแรกมีค่าระบบไฟฟ้า ส่วนที่สองคือปล่อยนั่งฟรีตั้งแต่ปี 2561 และส่วนที่สามเกิดจากจะควบรวมเป็นเส้นเดียวโดยให้สัมปทาน 40 ปีให้กทม.ไม่ต้องจ่ายเงิน
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บริหารล้มเหลว ที่เลี่ยงกฎหมายแล้วไปออก ม.44 และให้ กทม.รับโอนจาก รฟม.นำไปสู่การเจรจาและต่อสัมปทานล่วงหน้า ปัญหาตรงนี้เกิดก่อนที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) จึงเป็นเหตุผลที่นายชัชชาติ ไม่สามารถจ่ายเงินได้ เพราะส่วนต่อขยายดังกล่าวอยู่นอกเขตกทม.ซึ่งสภากทม.ไม่มีอำนาจเบิกจ่ายได้
“พรรคเพื่อไทยจึงขอเสนอทางออกคือให้ กทม.โอนหนี้และทรัพย์สินส่วนต่อขยายที่ 2 ที่วิ่งรถนอกเขต กทม.กลับคืนไปให้ รฟม. ส่วน รฟม.จะนำไปวิ่งรถหรือจะเปิดประมูลอย่างใดให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ไม่ควรให้เป็นภาระของ กทม. นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ควรมีมติยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2562 กรณีส่วนต่อขยายสัมปทานนอกเขต กทม.โดยเร็วที่สุด” นายยุทธพงศ์ กล่าว