ใครเป็นใคร ไทม์ไลน์ชงชื่อ “ตู้ ห่าว” ปี 56 ก่อน “อนุพงษ์” เซ็นให้สัญชาติไทย
ใครเป็นใคร! เปิดไทม์ไลน์ปี 2556 ผู้มีอำนาจใน “กระทรวงคลองหลอด” พิจารณาชงชื่อ “ตู้ ห่าว” ก่อนถึงมือ “อนุพงษ์ เผ่าจินดา” เซ็นอนุมัติปี 2558
สาธารณชนคงทราบกันไปแล้วว่า “ตู้ ห่าว” หรือ “หาว เจ๋อ ตู้” หรือชื่อไทยว่า “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” นักธุรกิจเชื้อชาติจีน ถูกตำรวจบุกจับกุม สืบเนื่องจากการผลปฏิบัติการขยายผลกวาดล้างกลุ่มนายทุนจีนและนอมินีในไทยที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย
โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ พิจารณาไม่ให้ประกันตัว “ตู้ ห่าว” ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีกระทำความผิดประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509
ก่อนหน้านี้ กรุงเทพธุรกิจ เคยนำเสนอธุรกิจของ “ตู้ ห่าว” หรือ “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” ไปแล้ว
อ่านข่าว: ผ่า 10 บริษัท “ชัยณัฐร์” ทุนจีนโยงผับดังยานนาวา เคยบริจาค พปชร. 3 ล้าน
ต่อมา มีการนำเสนอประเด็น ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลลำดับที่ 35 นายหาว เจ๋อ ตู้ เอกสารหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ และปรากฏข้อความระบุว่า “อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผู้ที่ให้สัญชาติไทยแก่ ตู้ห่าว”
ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คนปัจจุบันเป็นผู้ลงนามอนุมัติให้สัญชาติไทยแก่ “ตู้ ห่าว” จริง แต่เป็นไปตามขั้นตอน เนื่องจากมีการเสนอชื่อ “ตู้ ห่าว” และมีการอนุมัติมาก่อนหน้านี้
นายสุทธิพงษ์ ระบุว่า นายหาวเจ๋อ ตู้ แต่เดิมเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ กรณีเป็นสามีของบุคคลสัญชาติไทย
และ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา กระทรวงมหาดไทยได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอฯ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ในการประชุมครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกรมการกงสุล ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมการ
และได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย เพื่อเสนอแนะและให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้ดุลพินิจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำพิธีปฏิญาณตน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อ่านข่าว: "อนุพงษ์" ลงนามแปลงสัญชาติ "ตู้ ห่าว" ตามขั้นตอน เหตุถูกชงชื่อก่อนนั่ง มท.1
ในช่วงเวลาดังกล่าว ใครดำรงตำแหน่งอะไรกันบ้าง
ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556
- นายสถาพร ศิริภักดี รองอธิบดีกรมการปกครอง ระหว่างปี 2556 เป็นประธาน
ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556
- นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2555-30 ก.ย. 2558 เป็นประธาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปี 2556
- นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ระหว่างวันที่ 27 ต.ค. 2555-22 พ.ค. 2557 เป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย
ปัจจุบันนายจารุพงศ์ หลบหนีหมายเรียกตัวของ คสช.ภายหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ไปอาศัยอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในแกนนำขบวนการต่อต้านรัฐประหาร ระหว่างปี 2557 เป็นต้นมา แต่หายเงียบไปภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
อย่างไรก็ดีปัจจุบันไม่ปรากฏข้อมูลว่า ทั้ง 3 รายถูกร้องเรียนกล่าวหาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด